รวบแก๊งต้มตุ๋นหลอกเศรษฐินี สูญเงินกว่า 232 ล้าน หลงเชื่อพล็อตละครมรดกพันล้าน

ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. แถลงผลการจับกุมแก๊งต้มตุ๋นหยอกเงินเหยื่อหลายร้อยล้าน

ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. แถลงผลการจับกุม น.ส.สุภิช นิมิตนิวัช อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 ม.4 ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, น.ส.ผาณิตา นารถไพรินทร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/112 ม.5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, นายชัยชนะ จันทรา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132/1 ม. 3 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี และ น.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/184 ม.4 ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 


 

รวบแก๊งต้มตุ๋นหลอกเศรษฐินี สูญเงินกว่า 232 ล้าน

 

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.103-106/2562 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” หลังได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายออกอุบายให้ช่วยเหลือเงินค่าดำเนินการเรื่องมรดก สร้างตัวละครต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินรวมจำนวน 597 ครั้ง เป็นเงินกว่า 232,910,617 บาท 

 

รวบแก๊ง ต้มตุ๋น ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น

 

สืบเนื่องจากปี 2559 น.ส.ปาณิสรา ธนสมานโชค ผู้เสียหาย ได้รู้จัก น.ส.สุภิช ผ่านคนรู้จัก จากนั้น น.ส.สุภิชได้หลอกลวงผู้เสียหายว่ากำลังดำเนินการเรื่องทรัพย์มรดกของแพทย์หญิงสุวิภา ศรีภูมิเศรษฐ์ ซึ่งเป็นตัวละครที่อุปโลกน์ขึ้นมา โดยหลอกลวงว่าเนื่องจากแพทย์หญิงสุวิภาได้อาสาไปทำงานที่ จ.ยะลาร่วมกับกองทัพบก และได้เสียชีวิตลงด้วยเหตุระเบิดของผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งแพทย์หญิงสุวิภาได้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับมรดกตลอดจนสิทธิในการรับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานต่าง ๆ รวมเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท 

 

โดยได้ทำพินัยกรรมมอบให้กับน.ส.ผาณิตา ซึ่ง น.ส.ผาณิตา ไม่มีเงินในการดำเนินการเรื่องพินัยกรรม และมาขอความช่วยเหลือจาก น.ส.สุภิช ในการดำเนินการจัดการเรื่องมรดกของแพทย์หญิงสุวิภาแต่การดำเนินการเรื่องพินัยกรรมนั้น จำเป็นจะต้องใช้เงินในการวางเป็นหลักประกันในการเปิดพินัยกรรมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพบกซึ่งเป็นผู้ดูแลพินัยกรรม และติดตามเรื่องขอเงินช่วยเหลือจากกองทัพบกและหน่วยงานอื่น ๆ อีกรวม 14 หน่วยงาน 

 

น.ส.สุภิช และน.ส.ผาณิตา ได้อ้างต่อว่าต้องการใช้เงินในการดำเนินการก่อนที่จะถึงกำหนดการเปิดพินัยกรรมเบื้องต้นของแพทย์หญิงสุวิภา จำนวนเงิน 235,000,000 บาท โดยน.ส.สุภิชอ้างว่า ได้ใช้เงินส่วนตัวจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ทหารในส่วนของกองทัพบกไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท ในการดำเนินการ โดยน.ส.ผาณิตา จะชดใช้เงินคืนให้กับน.ส.สุภิชพร้อมกับเงินค่าตอบแทนที่ให้ความช่วยเหลืออีก 300,000,000 บาท แต่ตอนนี้น.ส.สุภิช ไม่สามารถหาเงินเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพบกได้ จึงขอยืมเงินผู้เสียหายครั้งแรกจำนวน 500,000 บาท เพื่อโอนเงินให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเรื่องมรดกตามพินัยกรรมของแพทย์หญิงสุวิภา ด้วยความเชื่อผู้เสียหายจึงได้นัดน.ส.สุภิช ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาราชบุรีแล้วเบิกเงินสดจากธนาคาร ก่อนมอบเงินจำนวน 500,000 บาทให้กับน.ส.สุภิช

 

ต่อมาอีก 4 วัน หลังจากส่งมอบเงินให้น.ส.สุภิช ไป น.ส.สุภิช ได้บอกกับ น.ส.ปาณิสรา ว่าต้องการเงินอีกจำนวน 520,000 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินการ ผู้เสียหายจึงได้เบิกเงินจากธนาคารจำนวน 520,000 บาท มอบให้กับน.ส.สุภิช จากนั้นน.ส.สุภิชได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารให้กับผู้เสียหายจำนวน 2 ฉบับ เพื่อเป็นหลักประกัน แต่เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระน.ส.สุภิช ได้บอกผู้เสียหายว่าอย่างเพิ่งนำเช็คที่มอบให้ไปขึ้นเงิน จึงทำให้ผู้เสียหายเริ่มสงสัยและไม่เชื่อตามคำกล่าวอ้างเรื่องพินัยกรรมดังกล่าว น.ส.สุภิช จึงได้หลอกว่าถ้าไม่เชื่อจะให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลพินัยกรรม โทรศัพท์มาพูดคุยและอธิบายเรื่องต่าง ๆ ต่อมาได้มีนายชัยชนะ จันทรา ซึ่งอ้างตนเป็นพันโทอนิรุทธิ์ สว่างอารมณ์ ได้โทรมาพูดคุยกับผู้เสียหาย และได้อธิบายเกี่ยวกับการที่จะมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างก่อนที่จะเปิดพินัยกรรมส่งมอบเงินและทรัพย์สินตามพินัยกรรมให้กับน.ส.ผาณิตา

 

ต่อมาน.ส.สุภิชได้นัดผู้เสียหายให้มาหาพันโทอนิรุทธิ์ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี  ผู้เสียหายจึงได้เดินทางไปพร้อมกับเพื่อน เมื่อไปถึงได้พบกับพบน.ส.สุภิช น.ส.ผาณิตา นายชัยชนะ ซึ่งอ้างตัวเป็นพันโทอนิรุทธิ์ และน.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นร้อยโทหญิงรัตนา คงวิเศษ โดยมีการยืนยันกับผู้เสียหาย ว่าน.ส.ผาณิตาเป็นผู้มีสิทธิได้รับพินัยกรรมของแพทย์หญิงสุวิภา แต่จำเป็นที่จะต้องหาเงินมาวางเพื่อเป็นหลักประกันและค่าดำเนินการ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 อีกจำนวน 597 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 232,910,617 บาท 

 

ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐมได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 กระทั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ตำรวจกองกำกับการ 5 กองปราบ ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 โดยสามารถจับกุมผู้ต้อหาได้ทั้งหมด โดยสามารถจับกุมน.ส.สุภิช นิมิตนิวัช อายุ 61 ปี ได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 15/1 ม.4 ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี  น.ส.ผาณิตา นารถไพรินทร์ อายุ 52 ปี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 187/181 ม.5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายชัยชนะ จันทรา อายุ 45 ปี จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 132/1 ม.3 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี น.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย อายุ 42 ปี จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 132/1 ม.3 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี  

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตือนภัย หลอกตุ๋นหวยยังมีอีก ล่าสุดโผล่เพิ่ม 4 รายเหยื่อแก๊งตุ๋นใบ้หวยตระเวนหลอกชาวบ้าน

ตุ๋นจนเปื่อย! ใกล้วันหวยออกแก๊งใบ้หวยเก๊ออกอาละวาด หลอกชาวบ้านสูญเงินเกือบ 2 แสน

เจ้าของ"น้ำพริกป้าติ๋ว" ร้องตร.เจอแก๊งตุ๋นอ้างรายการดังหลอกทำบุญหลงเชื่อโอนเงินให้สูญกว่าแสนบาท

ชุดเฉพาะกิจปส.บุกทลายเครือข่ายใหญ่ "ยาลดความอ้วน" ใช้ดารา นางแบบ หลอกตุ๋น มีหมอหนุนหลัง ทำรวยเป็นเศรษฐี (คลิป)