- 13 เม.ย. 2562
สืบเนื่องจาก กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณเพื่อจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะพึ่งมีได้ให้ศาลรัญธรรมนูญพิจารณาวินิฉัย เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณเพื่อจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะพึ่งมีได้ให้ศาลรัญธรรมนูญพิจารณาวินิฉัย เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ระบุว่า..
กกต. มีมติให้ส่งเรื่องการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า บทบัญญัติการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชืกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ และ ๑๒๙ ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๙๑ หรือไม่ และจะให้ใช้บทบัญญัติใดมาคิดคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
.....การที่ กกต.มีมติดังกล่าวเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อตัดปัญหามิให้พวกที่เจตนาสร้างวาทกรรมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกงกันและ กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ จะได้หยุดการสร้างวาทกรรมกล่าวหา กกต.ดังที่เคยกระทำตลอดมาเสียที
.....โดยเฉพาะพรรคการเมืองบางพรรคและกลุ่มคนบางกลุ่มที่กล่าวหาว่า กกต. ปฏิบัติหน้าโดยไม่ชอบเพื่อช่วยเหลือพรรคพลังประชารัฐ จนกลายเป็นกระแสให้ผู้คนที่เชื่อวาทกรรมดังกล่าวออกมาเคลื่อนไหวให้ กกต. ลาออกบ้าง ล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน กกต. บ้าง และพรรคการเมืองที่สร้างวาทกรรมดังกล่าวก็ออกมาคัดค้านการที่ กกต.ส่งเรื่องนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
.....เหตุผลของผู้ที่คัดค้านคงเป็นเพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร พรรคการเมืองบุคคลกลุ่มนี้ก็จะหาเรื่องด่า กกต. ว่าการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายเพื่อช่วยพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคการอื่นใดอีกไม่ได้ จะด่าศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เพราะจะมีความผิดฐานดูหมิ่นศาลในการพิจารณาคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปี ถึง ๗ ปี