- 13 เม.ย. 2562
ครอบครัวยากจนเล็กๆ ใช้ประเพณีสงกรานต์รดน้ำดำหัวพ่อแม่ อย่างอบอุ่น แต่ยังแฝงด้วยความเศร้า เพราะแม่ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีจนต้องคดีถึง 3 คดี ผู้ใจบุญช่วยวิ่งเต้นได้ 2 คดีเหลืออีก 1 ยังไม่ถอนทั้งที่รู้ว่าแม่ไม่ผิด วอนนายอำเภอช่วยเหมือน 2 คดี
วันที่ 13 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบุตรหลานของนางละม่อม เรืองรัมย์ อายุ 49 ปี ทำกิจกรรมรดน้ำดำหัวในวันสงกรานต์ซึ่งเป็นวันปีใหม่ไทย ที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านบนที่ดินสาธารณะประโยชน์ บ้านตาไก้ ต.กระสัง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ บุตรหลานนางละม่อม ใช้แป้งฝุ่นมาผสมน้ำเปล่าให้เป็นน้ำอบหอม แล้วเวียนกันรดน้ำขอพรพ่อด้วยบรรยากาศที่ความอบอุ่น
แต่ยังแฝงด้วยความเศร้า เพราะนางละม่อม ยังต้องสวมอุปกรณ์ติดตามตัวผู้ต้องหา หรือ “EM”ไว้ที่ข้อเท้าซ้ายตลอดเวลาเพื่อป้องกันการหลบหนีตามคำสั่งของศาล หลังจากถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง ถึง 3 คดีในเวลาไล่เลี่ยกัน คือในพื้นที่ จ.ระยอง,ยโสธร และจังหวัดประทุมธานี เมื่อเดือน ต.ค.- พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา
น.ส.อุมาพร เรืองรัมย์ อายุ 27 ปี ลูกสาว เล่าว่าตอนนั้นแม่ถูกคนหมู่บ้านใกล้กันใช้กลอุบายเห็นครอบครัวยากจนอาศัยอยู่ในที่ดินสาธารณะ หลอกให้ไปเปิดบัญชีอ้างว่าจะหาทางช่วยเหลือ โดยจะมีคนใจบุญโอนเงินมาให้ จนแม่หลงเชื่อไปเปิดบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์มือถือ
กระทั่งตำรวจยโสธร ตามมาจับกุมข้อหาฉ้อโกงตามหมายจับ ซึ่งตอนนั้นครอบครัวไม่มีทางออกเพราะไม่รู้จักใคร ไม่มีเงินวิ่งเต้นคดี ต่อมาได้มีหมายเรียกอีกที่ สภ.เมือง จ.ระยอง และหมายเรียกของ สภ.บางบัวทอง จ.ปทุมธานี รวม 3 คดีที่มีคนแจ้งความไว้
ต่อมาได้มีผู้ใจบุญที่กรุงเทพฯ ทราบข่าวทางสื่อ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ด้วยการจ้างทนายมาเป็นผู้แก้ต่างในคดี พร้อมกับหาหลักฐานวิ่งเต้นเจรจากับผู้เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงิน ว่าผู้ต้องหาไม่รู้เรื่องเป็นเพียงคนจน หาเช้ากินค่ำ และไม่มีศักยภาพพอที่จะหลอกลวงคนอื่นได้
จนกระทั่งผู้เสียหายและพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ยอมถอนคดีให้ ต่อมาผู้ใจบุญยังได้ร่วมเจรจากับผู้เสียหายที่ศาลจังหวัดระยอง ผู้เสียหายรายนี้ก็ยอมถอนคดีทั้งที่สูญเสียเงินไปร่วม 80,000 บาท
แต่ยังติดที่ สภ.เมืองยโสธร ซึ่งผู้เสียหายมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด มีนำแหน่งเป็นสมาชิก อบต.แห่งหนึ่ง ใน อ.พนมไพร ที่ยังไม่ยอมถอนคดีให้ ทั้งที่มีการจับกุมคนหลอกโอนเงินและได้เงินที่โอนไปกว่า 30,000 ครบถ้วนแล้ว
น.ส.อุมาพร เรืองรัมย์ เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาผู้ใจบุญได้พาตน ไปขอความช่วยเหลือกับกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งมีหนังสือถึงนายอำเภอพนมไพร ให้เข้าไปช่วยเจรจาถอนคดี แต่สุดท้ายนายอำเภอแจ้งว่า”ช่วยไม่ได้”ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรม
ถึงเวลานี้ครอบครัวถือว่าใจชื้นมาแล้วเกินครึ่ง แต่ยังติดอีก 1 คดี โดยเฉพาะตอนนี้ครอบครัวไม่มีเงินแม้จะเอามาใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังจะต้องเดินทางไปตามศาลนัด จึงอยากจะร้องขอให้ผู้ใจบุญที่มีความสามารถช่วยเจรจาให้ สมาชิก อบต.ที่พนมไพร ถอนคดีให้ เพราะทุกหน่วยงานต่างรู้และเข้าใจว่า”แม่เป็นผู้บริสุทธิ์”เพียงแต่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชี
ภาพ/ข่าว วาทิตย์ แสนธุปี ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวทีนิวส์ จ.บุรีรัมย์