ทาง3แพร่ง “ประชาธิปัตย์”  จะออกประตูไหน .. “บิ๊กตู่ -หญิงหน่อย-ฝ่ายค้านอิสระ”

ควันหลงจากกรณีกระแสข่าวปลด ที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายถาวร เสนเนียม พร้อมว่าที่ ส.ส. กว่า35คน และ ยืนยันว่าจะมาร่วม-พร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่จะไม่มายกพรรค เนื่องจากสมาชิกทางฝั่งนายชวน หลีกภัย และคนรุ่นใหม่ในพรรคไม่เห็นด้วย

ควันหลงจากกรณีกระแสข่าวมโน ที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์   นำโดยนายถาวร เสนเนียม พร้อมว่าที่ ส.ส. กว่า35คน และ ยืนยันว่าจะมาร่วม-พร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่จะไม่มายกพรรค เนื่องจากสมาชิกทางฝั่งนายชวน หลีกภัย และคนรุ่นใหม่ในพรรคไม่เห็นด้วย

 

พรรคประชาธิปัตย์ 

หลังจากนั้นไม่นาน นายถาวร ได้สยบข่าวลือ “งูเห่า” เป็นที่เรียบร้อย ออกมายืนยันมติพรรค ไม่มีแตกแถว ด้วยความเป็นส.ส. ถึง7สมัย แต่ขณะเดียวกันได้ยืนยันในหลักการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่า ระบอบทักษิณ เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่น่าจับตา คือทิศทาง.. หลักของพรรคประชาธิปัตย์ สถานการณ์ต่อจากนี้ เสมือนทาง 3แพร่ง คือ แพร่งแรกสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์ชา นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก1สมัย แพร่งที่สอง สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ เป็นฝ่ายค้านอิสระ  ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้

 

แต่ไม่ว่า ในทางเลือก ทั้งสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เข้าร่วมเพื่อไทย หรือ การเป็นฝ่ายค้านอิสระ  ไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ก็ตามที จะทำให้เสียงส.ส.ในสภาของฝ่ายพลังประชารัฐ ไม่สารถเกินครึ่งได้ (251)ไปได้  นั้นก็เท่ากับ ยกบ้านเมืองให้ระบอบทักษิณ โดยผ่านทางคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นผู้ดูแล

 

จัดตั้งรัฐบาล

 

ดังนั้นจึงต้องมาพิจารณาที่ผลงานพรรคเพื่อไทยได้ทำไว้ โดยเฉพาะกรณีจำนำข้าว และที่สำคัญ คนในพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม มือปราบจำนำข้าว และมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านคอยตรวจสอบ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากสภา โดยกระบวนการตรวจสอบนั้นอาศัยรัฐสภา และทุกครั้งที่มีการอภิปราย รวมทั้งตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีจากฝั่งเพื่อไทย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ” และนำพามาสู่คดีตามขบวนการของกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ตามปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้

 

ถัดมาเป็นกรณี “พรบ.นิรโทษกรรมลักหลับประชาชน”  การผลักดันร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว แม้ฝ่ายประชาธิปัตย์ก็จะได้ร่วมรับผลประโยชน์ แต่จุดประสงค์หลัก พุงตรงมาที่ตัวนายทักษิณ ชินวัตร ที่จะทำให้ได้กลับไทยอย่างไม่ต้องรู้สึกผิดบาป ก็ทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางพรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้าน กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) กลุ่มหน้ากากขาว บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนนักวิชาการกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะ ประชาธิปัตย์ ซึ่งคนที่สู้ ชนิดที่เรียกว่าสุดใจขาดดิ้น คงนี้ไม่พ้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  และนายถาวร เสนเนียม โดยวันนี้การที่ถาวรออกมาแสดงจุดยืนดังกล่าว จึงไม่ใช่เลือกแปลก แต่ก็ได้แสดง “สปิริต”นักการเมือง  โดยการยอมรับมติพรรค

ทาง3แพร่ง “ประชาธิปัตย์”  จะออกประตูไหน .. “บิ๊กตู่ -หญิงหน่อย-ฝ่ายค้านอิสระ”

 

ขณะที่ ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า ตนคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ คือไม่ปกติทั้งกติกา ทั้งการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อรองรับภาระกิจบางอย่าง ดังนั้นการเมืองจากนี้มันยังไม่นิ่ง ทั้งผลการเลือกตั้ง และการเมืองหลังจากประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างยังไม่ร้อยเปอร์เซนต์ว่า การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฏรจะเป็นอย่างไร การเลือกนายกฯจะมีใครเข้าแข่งขัน จะเป็นไปอย่างที่คาดการณ์หรือไม่ มันยังมีเงื่อนไขปัจจัยที่จะต้องติดตาม

 

เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่สะท้อนถึงกลุ่มคนที่ร่างกติกาที่ทำให้เกิดปัญหา ทั้งการร้องค้านผลการเลือกตั้ง หรือการรวบเสียงจัดตั้งรัฐบาลที่ส่อจะมีปัญหาหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่าเงื่อนไขที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะบทเฉพาะกาล เริ่มจะเป็นปัญหาให้เห็น ที่เป็นรูปธรรมที่สุดก็คือ สองขั้วที่แข่งกันจัดตั้งรัฐบาล โดยขั้วหนึ่งถ้ารวมเสียงข้างมากในสภาฯได้อาจจะไม่มีเสียงพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่อีกขั้วหนึ่งถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีได้ตามรัฐธรรมนูญบทเฉพาะกาล ก็ยังมีคำถามว่า สุดท้ายจะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาฯหรือไม่ ล้วนเป็นผลจากรัฐธรรมนูญ แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร จะต้องรอผลการเลือกตั้งให้นิ่งก่อน

 

เมื่อถามย้ำว่า แต่สภาพที่เป็นอยู่คือ ทั้งสองขั้วไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็มีเสียงปริ่มน้ำ เป็นผลจากรัฐธรรมนูญปี60 ที่มุ่งเน้นแก้กรณีรัฐบาลมีเสถียรภาพมากเกินไป รวมถึงรูปแบบการเลือกตั้งใช้ใบเดียว การออกแบบกติกาเช่นนี้ ถือเป็นคำตอบของประเทศ หรือเป็นระเบิดเวลามากกว่า นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนเคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ตอนที่มีการร่างรัฐธรรมนูญ เข้าใจว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็คงคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ แต่เดิมอาจจะคิดว่าจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่มีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ เช่นถึงขั้นกำหนดให้ประธานสภาต้องอยู่ฝ่ายรัฐบาล กำหนดให้วุฒิสมาชิกโหวตเลือกนายกฯได้ และออกแบบรูปแบบการเลือกตั้งให้เป็นบัตรใบเดียว เพราะคาดหวังว่า ผลการเลือกตั้งจะเป็นเบี้ยหัวแตกและสามารถที่จะทำให้การรวมเสียงตั้งรัฐบาลทำได้ง่าย แต่เอาเข้าจริงมันเป็นผลตรงกันข้าม และเกิดภาวะการแข่งขันของสองขั้วทางการเมืองที่ปริ่มน้ำ ทั้งนี้ ตนไม่อยากเรียกร้องใครให้แสดงความรับผิดชอบเพราะไม่อยากขยายประเด็นปัญหาให้เพิ่มขึ้น แต่คงจะเป็นบทเรียนให้กับคนร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ไพบูลย์" ชี้ ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่มีทางเกิดขึ้น แค่เทคนิคขจัด "บิ๊กตู่"

"สมศักดิ์" เชื่อไม่มีรัฐบาลแห่งชาติ ชี้ ส.ว.250 ช่วยการเมืองไม่ให้ลุกเป็นไฟ!

"ถาวร" สยบข่าวลือ นำ35ปชป.ร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐ ยันไม่เป็นงูเห่าแน่นอน