- 20 เม.ย. 2562
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับมาตรการฝากเงิน ที่ต้องเสียภาษีเพื่อความเป็นธรรมในระบบการเงิน เนื่องจากมีกระบวนการซิกแซก หลีกเลี่ยง โดยกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง แต่สื่อบางแห่งนำไปพาดหัวทำเข้าใจผิดในสาระข้อเท็จจริง จนกลายเป็นกระแสความแตกตื่น ว่าต่อจากนี้การฝากเงินต่อจากนี้การฝากเงินที่มีรายได้จากดอกเบี้ยทั้งหมดต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก 15%
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับมาตรการฝากเงิน ที่ต้องเสียภาษีเพื่อความเป็นธรรมในระบบการเงิน เนื่องจากมีกระบวนการซิกแซก หลีกเลี่ยง โดยกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง แต่สื่อบางแห่งนำไปพาดหัวทำเข้าใจผิดในสาระข้อเท็จจริง จนกลายเป็นกระแสความแตกตื่น ว่าต่อจากนี้การฝากเงินต่อจากนี้การฝากเงินที่มีรายได้จากดอกเบี้ยทั้งหมดต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก 15%
ล่าสุด นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Korn Chatikavanij ถึงกระแสดราม่าเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก โดยข้อความระบุว่า "วันนี้มีกระแสข่าวประเด็นเรื่องภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ผมเลยสอบถามที่มาที่ไปจากเจ้าหน้าที่ในกรมสรรพากร จึงขอนำเสนอข้อมูลเผื่อเป็นประโยชน์ครับ 1. ประเด็นสำคัญที่สุดคือยังคงมีการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายรายรับดอกเบี้ยเงินฝาก 20,000 บาทแรกตามเดิมนะครับ"
"2. แต่ที่ผ่านมามีกรณีการหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการเปิดบัญชีหลายธนาคาร เพื่อให้รายรับดอกเบี้ยในแต่ละธนาคารต่ำกว่า 20,000 บาท และเนื่องจากแต่ละธนาคารไม่มีข้อมูลธนาคารอื่น เจ้าของบัญชีจึงหลีกเลี่ยงภาษีได้ 3. สรรพากรจึงออกคำสั่งให้ทุกธนาคารส่งข้อมูลทุกบัญชีมาที่กรมฯ และกรมฯจะเป็นคนตรวจสอบว่ามีใครควรต้องเสียภาษีบ้าง 4. คราวนี้กรมสรรพากรก็กังวลว่าจะมีปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าของบัญชีอนุมัติให้ธนาคารของตนส่งข้อมูลให้สรรพากร (และใครที่ไม่อนุมัติจะเสียสิทธิการยกเว้นภาษีโดยปริยาย)"
"และนี่คือปัญหา เพราะกลายเป็นภาระของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเงินฝากตํ่ากว่าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี (คือประมาณ 4 ล้านบาท) ที่มีภาระที่จะต้องแสดงตน จริงๆ เรื่องนี้แก้ไขได้หากกรมสรรพากรและแบงก์ชาติสามารถประสานการทำงานร่วมกันได้ เพราะแบงค์ชาติเข้าถึงข้อมูลข้ามธนาคารได้อยู่แล้วแน่นอน แต่เนื่องจากสองหน่วยงานมีกฎหมายกำกับต่างกัน จึงไม่สามารถแชร์ข้อมูลกันได้"
"ผมเลยได้แสดงความเห็นกับทางสรรพากรว่า แทนที่จะให้เป็นภาระของเจ้าของบัญชีต้องแจ้ง ควรให้เป็นหน้าที่ของธนาคารที่จะแจ้งกับเจ้าของบัญชี และสรรพากรควรมีมาตรการเด็ดขาดในการเอาผิดธนาคารใดที่มีพฤติกรรมชัดเจนในการช่วยลูกค้ารายใหญ่หลีกเลี่ยงการเสียภาษี เช่นการแนะนำให้ปิดบัญชี เมื่อรายรับดอกเบี้ยใกล้จะถึง 20,000 บาท เพื่อเปิดใหม่เมื่อพ้นรอบการเสียภาษี หากกรมสรรพากรปรับวิธีการเล็กน้อยตามที่ผมเสนอ (ซึ่งเข้าใจว่าหลังจากรับทราบกระแสความสับสนของประชาชน กรมสรรพากรก็ได้ไปปรึกษากับสมาคมธนาคารแล้ว)"
"โดยสรุปง่ายๆว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่การหลีกเลี่ยงภาษีโดยเศรษฐีเงินฝากจะทำได้ยากขึ้นครับ และธนาคารพาณิชย์จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกต่อไป"
ขณะเดียวกัน ทางกรมสรรพากร ออกหนังสือชี้แจงระบุว่า "ตามที่ได้มีการเผยแพร่เกี่ยวกับ การเปลี่ยนเกณฑ์ของกรมสรรพากรในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ โดยจะเริ่มจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่ดอกเบี้ยบาทแรกนั้น กรมสรรพากรขอเรียนว่ากรณีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากดอเกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ กรมสรรพากรยังคงใช้เกณฑ์เดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ สำหรับดอกเบี้บเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี ยังคงได้รับการยกเว้นภาษีตามเดิม กรมสรรพากรจะได้ส่งข้อมูลผู้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่เกินกว่า 20,000 บาท เพื่อให้ธนาคารหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายต่อไป"
หลังจากเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียลทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันเป็นจำนวนมาก บ้างก็เข้ามาบอกว่า ข้อมูลท่านสุดยอดกระจ่างดี 555ตั้งแต่เกิดมาจนปัจจุบัน มีดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุดแค่ 200 บาทต่อปีเอง เมื่อไหรจะมีดอกเบี้ยเงินฝากถึง 20,000 บาทกับเขาบ้างหนอ จะได้จ่ายภาษีบ้าง อยากจ่ายภาษีช่วยชาติ
บ้างก็บอกว่า คนรวยอีกแล้ว ทำให้คนมีเงินฝากน้อยนิดเดือดร้อน ขอบคุณคุณกรณ์มากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจเลย นี่แหละที่สังคมต้องการ ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องราวจะได้รู้ ขอบคุณจริงๆ ปัญหาคือ คนแจ้งแล้วจะได้อะไร แต่ถ้าไม่แจ้ง ไม่ต้องเสียภาษี เสียภาษีเป็นหน้าที่แต่แค้นใจไอ้พวกโกงกิน ขอบคุณคุณกรณ์ค่ะกับรายละเอียดที่แจ้งให้ทราบค่ะ ทีแรกอ่านก็ไม่เข้าใจเพราะข่าวก็ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-วิธีคิดดอกเบี้ย บัตรเครดิต จากธนาคารแห่งประเทศไท
-"ธนาคาร" ยอมรับผิดแล้ว คืนเงินและดอกเบี้ย แก่คนเงินหายออกจากบัญชี!!?
-"ออมสิน-ธกส." คืนดอกเบี้ยเงินกู้ 30% ให้ลูกค้าเป็นของขวัญปีใหม่
-อดีตนักวิจัยยูเอ็น "ดร.มีชัย" หนุน "ลดดอกเบี้ย กยศ." ยัน "ทุนมนุษย์" เป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุด
ขอบคุณ Korn Chatikavanij กรมสรรพสามิต