- 18 พ.ค. 2562
จากกรณี นายอุดม ศิริสอน และ นางแดง ศิริสอน ทั้งสองตกเป็นจำเลยในคดีที่เรียกว่า “ตายายเก็บเห็ด” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 โดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ตัดสินจำคุกทั้งสองคนละ 30 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 15 ปีหลังจากนั้นทั้งคู่ ได้ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
จากกรณี นายอุดม ศิริสอน และ นางแดง ศิริสอน ทั้งสองตกเป็นจำเลยในคดีที่เรียกว่า “ตายายเก็บเห็ด” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 โดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ตัดสินจำคุกทั้งสองคนละ 30 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 15 ปีหลังจากนั้นทั้งคู่ ได้ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
โดยศาลอุทธรณมีคำสั่งแก้จำคุกเป็น 14 ปี 12 เดือน กระทั่งในปี 60 ศาลฎีกาได้ตัดสินให้จำคุกคนละ 5 ปี ในคดีบุกรุกแผ้วถางป่าไม้และทำประโยชน์ในป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ตัดโค่นไม้สัก ไม้กระยาเลย ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามกว่า 700 ต้น แปรรูปกว่า 1,148 ท่อน ตามนัยมาตรา 97 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ชัดเจน
นอกจากนี้ได้มีการสั่งเรียกเก็บค่าเสียหายต่อรัฐจากจำเลยทั้ง 2 ดังกล่าวเป็นค่าเสียหายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกบุกรุกทำลาย 72 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายต่อรัฐกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นเรื่องปกติ คดีบุกรุกป่าอายุความละเมิด ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายภายใน 1 ปี หากกรมป่าไม้ไม่ฟ้องร้องจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้กระทำผิดเป็นผู้ยากไร้ กรมป่าไม้ก็อาจหาช่องทางช่วยเหลือ ลดหย่อนตามเหตุสมควร
โดยล่าสุด ที่ จ.กาฬสินธุ์ มีรายงานว่า มีชื่อของนายอุดม ศิริสอน และ นางแดง ศิริสอน ในรายชื่อผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 จากเดิมนายอุดม มีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 14 พ.ค. 2563 และนางแดง มีกำหนดพ้นโทษวันที่ 18 ก.ย. 2563 เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นดีทั้งคู่
นายอุดม กล่าวว่า ตอนนี้ไม่กล้าเข้าป่าอีกแล้ว และจะขอไม่เข้าไปในป่าตลอดชีวิต เพราะเข็ดหลาบแล้ว ขณะที่ นางแดง กล่าวว่า ตอนนี้หากจะให้เข้าในป่าเพื่อหาอาหารป่า ตนกับสามีคงจะไม่ไปอีกแล้ว เพราะรู้สึกเข็ดหลาบแล้ว หรือแม้แต่หากรู้ว่ามีเพื่อนบ้านเก็บเห็ดจากป่ามาขายให้ จะไม่ซื้อกิน
ทั้งนี้ตนกับสามีรู้สึกปลาบปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ ซึ่งหากมีโอกาสก็จะสมัครเป็นจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ ทำงานเพื่อสังคมตามแรงที่จะทำได้