- 26 พ.ค. 2562
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบแล้ว
หลังจากที่ในเฟซบุ๊ก “Wassana Nanuam” ของ “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์ข้อความ..รำลึก..... “พลเอกเปรม” ประธานองคมนตรี 2 แผ่นดิน ... กับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และการพูดถึง การจากลา พลเอกเปรม จากลา ไปอย่างสงบ เมื่อรุ่งสางของวันนี้ ....
แม้พาส่ง รพ. ก็ไม่อาจ ยื้อ ป๋าท่าน กลับมาได้ ป๋า ท่าน 98 จะ 99 แล้ว. ท่านเหนื่อยมาเยอะแล้ว ขอให้ป๋าไปสู่ สรวงสวรรค์ Rest in Peace ค่ะป๋า
ต่อมาวาสนา นาน่วม ยังได้โพสต์ข้อความอีกว่า หลังเสร็จภารกิจสำคัญ ในชีวิตของการเป็นประธานองคมนตรี 2 แผ่นดินแล้ว.. “ป๋าเปรม” ก็จากลาไปอย่างสงบ รุ่งเช้าวันนี้ 26 พค.62 RIP.
ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2562 ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดให้สื่อมวลชน ขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ โดยสื่อมวลชนได้อวยพรให้ป๋าเปรมอายุยืน 120 ปี โดยป๋าเปรมยังบอกว่า เราต้องอายุยืนสิ ในเมื่อเราอวยพรให้คนอื่นอายุยืน เราก็ต้องอายุยืนด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า จะต้องอยู่ให้บ้านเมืองสงบก่อน พล.อ.เปรมได้ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่สงบหรืออย่างไร ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจด้านการเมืองเท่าไหร่ เราก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองบางทีก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ก็ขอให้พวกเราช่วยกันรักษาชาติบ้านเมือง สื่อมวลชนสำคัญที่สุด ตนก็ยังรู้สึกเป็นห่วงชาติบ้านเมือง
เมื่อถามว่า ป๋าเปรมเคยบอกว่าจะอยู่ให้อายุยืนถึง120 ปี พล.อ.เปรม กล่าวติดตลกว่า ถ้าอายุ 120 ปีก็คงต้องคลานแล้ว แต่อย่างไรก็จะอยู่เคียงข้างประเทศชาติบ้านเมือง
หลังจากนั้น พล.อ.เปรม ใช้กระบอกฉีดน้ำผสมน้ำอบไทย ฉีดให้สื่อมวลชน ถามว่า เย็นไหม ก่อนจะเดิน กลับเข้าไปภายในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี นับเป็นข่าวเศร้าที่ทำให้หลายคนใจหาย แต่อย่างก็ตาม ถือว่าพลเอกเปรม ได้เป็นประธานองคมนตรี 2 แผ่นดินอย่างสมบรูณ์ที่สุดแล้ว
อ่านข่าว : หัวใจประธานองคนตรี 2 แผ่นดิน "ป๋าเปรม" ฝากคำสำคัญสุดท้ายผ่านสื่อ ห่วงใยชาติบ้านเมืองเป็นที่สุด
ล่าสุดมีรายงานข่าวระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิต ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบแล้ว ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ เมื่อเวลา 09.09น. วันนี้ ( 26 พ.ค.62) ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว สิริอายุรวม 98 ปี
อย่างไรก็ตามรายละเอียดทั้งหมด ต้องรอการแถลงยืนยันจากคณะแพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า และ สำนักองคมนตรี อีกครั้ง