สาวโพสต์ ขอความยุติธรรม ครอบครัวถูกรถชน เงินชดเชยไม่ได้สักบาทเดียว

เรียกว่าเป็นเรื่องราวที่สาวรายหนึ่งนั้นได้นำเรื่องราวมาโพสต์ผ่านโซเชียลหลังจากที่เธอนั้นไม่ได้ความยุติธรรม โดยเธอได้ระบุว่า เหตุการณ์เมื่อ 22 ธ.ค.61 เวลา 01.45 น. พ่อ-แม่และพี่ชายของหนูถูกรถชนได้รับบาดเจ็บและรถเก๋งพังเสียหายยับเยิน คู่กรณีมีอาชีพรับราชการเป็น "ผอ.กองช่าง อบต.ช่องสามหมอ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ" อยู่ในอาการเมาสุรา ร้อยเวร สภ.เมืองชัยภูมิ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุและนำไปตรวจวัดค่าแอลกอฮอร์ได้ค่า (187 มิลลิกรัม) 

โดยเข้าตัวเล่าต่อว่า ขณะนี้เวลาล่วงเลยมา 5 เดือนแล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้าเลย ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุไม่เคยมาถามข่าวคราวการบาดเจ็บแม้แต่ครั้งเดียวและยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนแม้แต่บาทเดียว 

หนูวอนฝากผู้บังคับบัญชาข้าราชการเมารายนี้ ให้ลงโทษทางอาญา,ทางวินัย ข้าราชการรายนี้ให้ถึงที่สุด เป็นข้าราชการเมาแล้วขับทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียทรัพย์ ลงโทษให้หนักเป็นสองเท่ากว่าประชาชนคนธรรมดา โทษทางวินัยต้องไล่ออกจากราชการสถานเดียว หนูขอความเป็นธรรมให้กับพ่อ-แม่หนูด้วยนะคะ

ช่วยแชร์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบพร้อมดำเนินเรื่องเพื่อความยุติธรรม และได้ลงโทษคนผิดด้วยนะคะ

ต่อมาทางด้าน อีจัน ได้มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ ร.ท.ดิษฐพล นราพงษ์ อายุ 57 ปี (พ่อ) ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 22 ธ.ค. 61 ครอบครัวของตน ได้ขับรถจาก บขส.จังหวัดชัยภูมิ โดยมีลูกชาย นนส.นิติศักด์ นราพงษ์ อายุ 22 ปี เป็นคนขับ นางวัชรภรณ์ นราพงษ์ อายุ 59 ปี (ภรรยา)นั่งข้างคนขับ และตนนั่งเบาะหลัง ขับมาบนถนน สายไทรงาม- คอนสวรรค์ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ จู่ๆมีรถกระบะขับสวนทางมาและพุ่งข้ามเลนมาชนรถที่ครอบครัวขับมาอย่างจัง จนรถพังเสียหาย ตน ลูกชาย และภรรยาได้รับบาดเจ็บ และมีอาการแน่นหน้าอก ตนตกใจมากแต่พอได้สติ ก็รีบเปิดประตูรถออกมาเพื่อไปดูคู่กรณีว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ พอเปิดลงไปดูพบว่า คู่กรณีเป็นคนรู้จัก รับข้าราชการ เป็น ผอ.กองช่าง อบต. ในอำเภอเดียวกัน ตอนเกิดเหตุอยู่ในอาการเมา หลังพูดคุยก็ทราบว่าเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงฉลอง หลังจากนั้นตนจึงแจ้งร้อยเวร ใน สภ.เมืองชัยภูมิ เมื่อร้อยเวรมาถึงที่เกิดเหตุได้ตรวจสอบพบว่า คู่กรณีอยู่ในอาการเมา ตรวจวัดค่าแอลกอฮอล์ได้ 187 มิลลิกรัม จึงได้ไกล่เกลี่ยและแจ้งข้อกล่าวหาคู่กรณี ให้รับผิดชอบค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลตนกับครอบครัวทั้งหมด

เบื้องต้นทางครอบครัวจึงได้เขียนหนังสือร้องเรียน ไปยังศูนย์ดำรงธรรมให้ตรวจสอบวินัยของคู่กรณีคนดังกล่าว และยังทำหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบ ก็ได้หนังสือตอบกลับมา และส่วนใหญ่ก็บอกว่าคดีอยู่ระหว่างการดำเนินงานของอัยการ

โดยทาง ร.ท.ดิษฐพล ได้มีการยืนยันด้วยว่า คดีไม่มีความซับซ้อนอะไร แต่ทำไมการดำเนินคดีใช้เวลานานมาก และทางคู่กรณีซึ่งเป็นข้าราชการคนของแผ่นดิน ทำไมถึงไม่แสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคดีกล่าวตนยืนยันว่า จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด อยากให้คนผิดมารับโทษ ข้าราชการต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ของประชาชน ไม่ใช่นำตำแหน่งมาเอาเปรียบคนอื่น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก คุมะ มายด์ อีจัน