- 07 มิ.ย. 2562
นาทีนี้คงไม่มีใครฮอตไปกว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อีกแล้ว แม้แต่ นายไผ่ ลิกค์ หรือ“ไผ่ วันพอยท์” ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ก็ยังออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายธนาธร
นาทีนี้คงไม่มีใครฮอตไปกว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อีกแล้ว แม้แต่ นายไผ่ ลิกค์ หรือ“ไผ่ วันพอยท์” ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ก็ยังออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายธนาธร โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก "ไผ่ ลิกค์ กำแพงเพชร" เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า "พูดถึง”วาทกรรม”การปล้นชัยชนะ ของคุณธนาธร ไม่มีใครปล้นหลอกครับ เพราะถ้าวันนี้ เสียงฝั่งฝ่ายค้านปัจจุบันชนะจะไม่มีการส่งชื่อคุณธนาธรมาแน่นอนเพราะทางพรรคเพื่อไทยจะส่งคนของเค้ามา คุณธนาธรจึงเป็นแค่หมากตัวนึงไม่ใช่ขุน
วันนี้ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยไม่ได้ชอบสิ่งนี้เท่าไหร่ เพราะคุณธนาธรคือคู่แข่งโดยตรงของพวกเค้า เพราะฐานเสียงเดียวกัน ไม่มีใครเอาลูกเค้ามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเค้ามาอม แล้วไม่หวังอะไรนะครับ"
การที่อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่าง “ไผ่ วันพอยท์” ออกมาพูดครั้งนี้ย่อมมีน้ำหนักอยู่พอดู แต่อย่าได้ปรามาสนายธนาธร โดยพฤติกรรมของนายธนาธรแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับนายทักษิณ ชินวัตร แม้จะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยเหมือนกัน แต่นายทักษิณนั้น ไร้ซึ่งอุดมการณ์เพียงแต่ความมุ่งหวังจากการหาผลประโยชน์ แต่นายธนาธรนั้น มีความเป็นตัวเองสูง มีอุดมการณ์อย่างแรงกล้า โดยเฉพาะการ “เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม” และเพราะด้วยอุดมการณ์นั้น การที่นายทักษิณ จึงเป็นเรื่องยากที่ใครจะสามารถควบคุมหรือสั่งการนายธนาธรให้หั่นซ้าย-ขวาได้ อีกทั้งนายธนาธรไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่งทุนจากแหล่งอื่น จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องฟังคำสั่งใคร
นายธนาธร ประสบความสำเร็จเชิงในเชิงการสร้างกระแส วัดผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของ พรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร ได้ที่นั่ง ส.ส.กทม. 9 คน ภาคกลาง 15 คน ภาคเหนือ 5 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน 1 คน ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่สามารถกวาดเก้าอี้ส.ส. รวมจำนวนทั้งสิ้น 31 คน ซึ่งคะแนนรวมทั้งประเทศ สูงถึง 6.2 ล้านคะแนน ส่งผลทำให้ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลีส ได้ถึง 50 คน นับว่าเป็นความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร
หากพิจารณาจากพื้นที่ฐานเสียงของเพื่อไทย อย่างภาคอีสาน แม้พรรอนาคตใหม่จะสามารถเจาะมาได้เพียงเสียงเดียว แต่ทำผู้คนเซอร์ไพรส์กันไปทั้งเมือง ในสนามเลือกตั้ง เขต1 จ.ขอนแก่น เมื่อนายฐิตินันท์ แสงนาค ผู้สมัครจากอนาคตใหม่ได้คะแนนทิ้งห่าง “เสี่ยเต๋า” นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร เจ้าของแชมป์เก่า4 สมัย จากพรรคเพื่อไทยอย่างขาดลอย เกือบหมื่นคะแนน โดยนายจักรินได้คะแนน 29,396 คะแนน ขณะที่นายฐิตินันท์ ได้มากถึง 38,717 คะแนน สร้างปรากฏการณ์ล้มช้างได้อย่างสำเร็จ
หรือภาคเหนือ ที่พรรคอนาคตใหม่สามารถกว่าไปได้ ถึง 5เสียง อีกหนึ่งปรากฏฮือฮา ที่จ.เชียงราย เขต 1 เมื่อ นายเอกภพ เพียรพิเศษ สามารถ เขี่ย “บิ๊กเนม” จากพรรคเพื่อไทย อย่าง นายสามารถ แก้วมีชัย ด้วยคะแนน 30,719 ต่อ 28,891 ชนะอย่างฉิวเฉียด 1,828 คะแนน และในเขต 6 นายพีรเดช คำสมุทร อนาคตใหม่ ทิ้งห่างนายอิทธิเดช แก้วหลวง เฉือนกันไม่ถึง 200 คะแนน ผลการเลือกตั้งคือ 23,273 ต่อ 23,081 คะแนน
ภาพจากเพจ อนาคตใหม่ - เชียงราย f.c.
และที่ จ.แพร่ ที่พรรคอนาคตใหม่ สามารถกินรวบได้ทั้งจังหวัด 2เขต ในแรกๆ ที่มีกระแสกำหนดการเลือกตั้ง ส.ส.ออกมา ทุกพื้นที่ จ.แพร่จะพูดถึงพรรคเพื่อไทยที่เจ้าของพื้นที่ ส.ส.ในจังหวัดแพร่ที่ผูกขาดมาอย่างยาวนาน คือ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.ตลอดกาล โดยย้ายมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ ในกลยุทธ์พรรคเพื่อไทย ใช้ยุทธวิธีแตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัครส.ส. แต่เมื่อพรรคไทยรักษาชาติ มีอันเป็นไปทางการเมือง จากกรณีเสนอรายชื่อแคนดิเดทนายกฯซึ่งเป็นการกระทำมิบังควร
ดังนั้นศึกแย่งเก้าอี้ ส.ส. เขตในจังหวัดแพร่ จึงเป็นการพบกันระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ และพรรคมีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่จะสอดแทรก ซึ่งผล ปรากฏว่า ในเขต 1 นายเอกการ ซื่อทรงธรรม พรรคอนาคตใหม่ ได้ 72,016 คะแนน นางธนินจิตรา ศุภศิริ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 38,035 ด.ต.บุหลัน ราษฎร์คำพรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ 15,339 คะแนน
เขต2 นายกฤติดนัย สันแก้ว พรรคอนาคตใหม่ ได้ 55,695 นายวิตติ แสงสุพรรณ พรรคพลังประชารัฐ ได้ 28,223 นายคณาธิป มุดเจริญ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 14,312 คะแนน
ขณะที่ ในเขต8 จ.เชียงใหม่ หลังจากที่กกต.มีมติ ให้ใบส้ม สั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร นายสุรพลเกียรติไชยากร ว่าที่สสเขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมจัดการเลือกตั้งใหม่ ตามกฎหมายจะยังคงใช้ผู้สมัครชุดเดิม ลงแข่งขัน แต่นายสุรพลจะไม่สามารถ ลงแข่งขันได้ ทำให้ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ชนะการเลือกตั้งในเขตนี้ โดยได้คะแนนเสียง 75,891 คะแนน ส่วนอันดับ 2 คือ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ จากพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเสียง 27,861 คะแนน และอันดับ 3 คือ นายวชิรวิทย์ หลวงมณีวรรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ ได้คะแนนเสียง 2,772 คะแนน
ปรากฏการณ์แจ็คผู้ล้มยักษ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ด้านหนึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มคนที่เบื่อการเมืองน้ำเน่า ซึ่งต้องการหาทางเลือกใหม่ๆ และ กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่เป็น New Voter ที่พรรคอนาคตใหม่ สามารถเจาะกลุ่มนี้ได้อย่างเฉียบขาด ด้วยการบริหารจัดการกับสื่อโซเชียลมีเดียร์ ได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยภาพลักษณ์ คนรุ่นใหม่ของนายธนาธร จึงไม่แปลกที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ อย่างถล่มทลาย ทั้งที่เมื่อเทียบตัวบุคคลแล้ว ผู้สมัครส.ส.แบ่งเขต แทบจะไม่เป็นที่รู้จักในวงการ
ตัดกับมาในสถานการณ์ปัจจุบันแม้นายธนาธร จะถูกแขวน ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวการทางเมืองของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ได้ การมองการเมืองของนายธนาธรในวันนี้ เรียกได้ว่ารุกหน้าไปมาก โฟกัสการเมือง “การเมืองท้องถิ่น” รากฐานสู่ความมั่นคง “การเมืองระดับประเทศ” และการเผยแพร่ชุดความคิด ปลุกฝั่งคนรุ่นใหม่อย่างเป็นระบบรุ่นสู่รุ่น บ่มเพาะรอเวลาที่เหมาะสม... อีก 10ปี ก็ไม่สาย