- 03 ก.ค. 2562
เกิดอะไรขึ้น ภูมิธรรมลาออกเลขาพรรคแล้วตามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมทิ้งคำพูด ประชาชนเอือมต่อรองตำแหน่ง
จากกรณีมีรายงานจากพรรคเพื่อไทยในเรื่องของตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะเป็นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ขณะที่ในส่วนเลขาธิการพรรคนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย จะไม่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อ โดยส.ส.กลุ่ม กทม.ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคสนับสุน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. กทม. ที่มีภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่และมีประสบการณ์ มาทำหน้าที่เพื่อปรับภาพลักษณ์พรรคเพื่อไทยให้เป็นพรรคคนรุ่นใหม่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า พร้อมวางมือจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค เพื่อให้คนรุ่นหลังเข้ามาสานต่อภารกิจพรรค ภายหลัง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค ยื่นใบลาออก 3 กรกฎาคม 2562 ประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่ของตนเอง เพื่อให้พรรคจัดการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค เชิญนักการเมืองของพรรคและสมาชิกพรรค เข้าหารือและเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อมาทำหน้าที่แบกรับภารกิจในสถานการณ์การเมืองใหม่ช่วงปัจจุบัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ยืนหยัดอยู่กับพรรคมาโดยตลอดไม่เคยทอดทิ้งไปไหน เพื่อแบกรับภารกิจมาอย่างต่อเนื่อง ในการสนับสนุนและประคับประคองรัฐบาลประชาธิปไตย ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้น และเผชิญกับช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมืองของประเทศในช่วงที่มีการชัตดาวน์ประเทศ สมัยรัฐบาลประชาธิปไตย ของอดีตนายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และจบลงด้วยการเผชิญหน้ากับคณะรัฐประหารที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“คณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ได้แบกรับภารกิจต่อเนื่อง ในการนำพาพรรคเพื่อไทย ยืนหยัดทำหน้าที่ของตน ในการรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย ประคับประคองพรรคในช่วงวิกฤติประเทศ ที่อยู่ภายใต้การบริหารและปกครองของคณะรัฐประหารต่อเนื่องตลอดมา ตราบจนกระทั่ง เกิดการผ่อนคลายสถานการณ์ทางการเมืองครั้งใหม่ ให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ภายใต้รัฐธรรมนูญและกติกาใหม่ ที่คณะ คสช. อำนวยการให้มีการจัดทำขึ้น คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน จึงได้แบกรับภารกิจต่อเนื่องอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่หลัง คสช. ประกาศ จะคืนอำนาจให้ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อ 24 มีนาคม 2562 และได้นำพรรคเพื่อไทยฝ่าอุปสรรคจนได้รับชัยชนะเป็นพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุดเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน”
แต่ด้วยกติกาภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากกติกาทางการเมืองที่เป็นปกติแบบเดิมๆ ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ได้ที่นั่ง ส.ส. เป็นจำนวนมากที่สุด แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศได้ และไม่มีคณะผู้บริหารพรรค ที่ลงสมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อได้เข้าสภาแม้แต่คนเดียว หลังการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จสิ้น พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมมือกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย 7 พรรคการเมือง จัดตั้งแนวร่วมฝ่ายค้าน ของ 7 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยขึ้น เพื่อแบกรับภารกิจใหม่ เป็นพรรคฝ่ายค้านทำหน้าที่ทางการเมืองต่อจากนี้ไป
“นับเป็นการยุติบทบาท ของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ชุดปัจจุบันลงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2562 ภารกิจต่อจากนี้ไป เป็นภาระของคนรุ่นหลังที่จะเข้ามาแบกรับภารกิจใหม่ ในสถานการณ์ทางการเมืองใหม่ ที่กำลังจะดำเนินต่อไป ส่วนตัวผมไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง วันนี้ผมคิดว่าประชาชนเอือมระอากับการต่อรองตำแหน่งมากพอแล้ว เพราะผมเชื่อเสมอว่า ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือ อยู่ในสถานะใด บทบาทใด ผมก็สามารถที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนได้เสมอ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง สุดท้ายต้องขอบคุณสมาชิกพรรคและนักการเมืองของพรรคทุกคน ที่ได้ให้ความสนับสนุนและร่วมมือในการทำงานการเมืองร่วมกันมา และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและทุกความห่วงใยที่พี่น้องประชาชนมีและมอบให้พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานชุดพวกผมเสมอมายังต้องพบกันอีก เมื่อภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น” นายภูมิธรรม ระบุ