- 01 ส.ค. 2562
กองปราบ บุกรวบ แก๊งต้มตุ๋นหลอกคนแก่ขอข้าวกิน เข้าไปขโมยของในบ้าน
เมื่อวันที่1สค-62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รองผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ. ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.กก.สส.ภจว.อุทัยธานีผู้ดำเนินการสืบสวน/จับกุม พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ต.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภจว.อุทัยธานี ประกอบด้วย พ.ต.ต.สิทธินันท์ วิสุทธิ์ สว.สส.ภจว.อุทัยธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมจับกุม นายสนอง ไวเชิงค้า อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ จ.187/2562 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” พฤติการณ์ในการจับกุมกล่าวคือจากกรณีที่ น.ส.ธวัลกร แคฝอย ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 จากการที่ได้ก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้าน โดยการใช้รถกระบะและนำรถจักรยานยนต์ของตนขึ้นท้ายกระบะเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานเพื่อก่อเหตุ โดยการขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน ชุมชม หรือที่พักอาศัย เมื่อเห็นเป้าหมายเป็นคนแก่สูงอายุ ได้เข้าไปซักถามบอกว่ารู้จักกับลูกหรือคนในบ้านของเหยื่อหลังจากนั้นหลอกให้เหยื่อไปเก็บผักหลังบ้าน หรือไปทำกับข้าวให้กิน หรือหลอกให้ไปทำสิ่งอื่นใด ซึ่งอยู่ภายนอกบ้าน พอสบโอกาสและได้จังหวะ ก็เข้าไปค้นหาทรัพย์สินของมีค่าของเหยื่อผู้สูงอายุเหล่านั้น ทำให้ผู้สูงอายุหลายท่านสิ้นเนื้อประดาตัวเนื่องจากเก็บเงินมาทั้งชีวิต ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและผู้การกองปราบ ได้เห็นความทุกข์ร้อนของเหยื่อกลุ่มนี้ ซึ่งเหยื่อแต่ละคนเป็นคนแก่ใจดีมีน้ำใจ ยังกระทำเช่นนี้ได้ลงคอ จึงได้สั่งการให้ ผู้กำกับการ 3 และชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน เป็นเหตุให้จับกุมตัว น.ส.ธวัลกรฯ ได้ในที่สุด ซึ่งหลังการจับกุมแล้ว น.ส.ธวัลกรฯ เกิดความเครียดและพยายามฆ่าตัวตายในห้องขัง โดยใช้ชุดชั้นในผูกคอตนเอง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้ทันเวลา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนทราบว่า น.ส.ธวัลกรฯ ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว และได้ไปขอหมายค้นต่อศาลเพื่อทำการตรวจค้นบ้านของ น.ส.ธวัลกรฯ ผู้ต้องหา พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการ นำมาสู่การขอหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย คือ นายสนอง ไวเชิงค้า ผู้เป็นสามี และถูกจับกุมตัวในเวลาต่อมา นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยมีแผนประทุษกรรมในการก่อเหตุ คือ ผู้ต้องหาจะร่วมกันขับรถตระเวนไปในพื้นที่ภาคอีสาน โดยใช้รถกระบะขนรถจักรยานยนต์ขึ้นบนท้ายรถ เมื่อเจอแหล่งชุมชน จะขนรถจักรยานยนต์ลงมา และให้ น.ส.ธวัลกรฯ ขี่เข้าไปก่อเหตุ ส่วนนายสนองฯ จะนั่งรออยู่ในรถยนต์คอยสังเกตการณ์ เมื่อก่อเหตุเสร็จแล้ว ก็พากันหลบหนีโดยขนรถจักรยานยนต์ขึ้นท้ายรถกระบะ และตระเวนก่อเหตุเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อได้เงินมาแล้วก็นำมาใช้จ่ายร่วมกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน และมีการวางแผนในการก่อเหตุกันเป็นขั้นตอน เป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อาจนำไปสู่ความผิดมูลฐานการฟอกเงิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จะทำการสืบสวนขยายผลติดตาม เพื่อนำเงินและทรัพย์สินมาคืนให้กับตายายผู้เสียหายต่อไป โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
กองปราบปราม จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างตนเป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนของคนในบ้าน จะแสดงความสนิทสนม และขอเข้าบ้าน และแอบขโมยทรัพย์สินเงินทอง