- 01 ส.ค. 2562
กองปราบ จับกุมคุณลุงแสบ พบประวัติเพียบ
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 เวลาประมาณ 12.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ,พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย, พ.ต.อ.พุฒิเดช บุญกระพือ รอง ผบก.ป. ,พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. ,พ.ต.ท.วิศิษฐ์ พลบม่วง ,พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล ,พ.ต.ท.ณัทกฤช น้อยคำปัน, พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส รอง ผกก.2 บก.ป. ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ทวี ศรีหะบุตร รอง สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ ชป.1 กก.2 บก.ป.
ร่วมกันจับกุมตัว นายสุริยะ โยธินชวโร อายุ 76 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 4 หมาย ดังนี้
1. “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” ตามหมายจับของศาลธัญบุรี ที่ 890/2561 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561
2.“ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” ตามหมายจับของศาลธัญบุรี ที่ 894/2559 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561
3.“ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” ตามหมายจับของศาลธัญบุรี ที่ 897/2561 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561
4.“ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” ตามหมายจับของศาลธัญบุรี ที่ 902/2561 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561
พฤติการณ์ในคดี สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวก อีก 3 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ได้ทำทีโทรมาติดต่อขอซื้อเครื่องเชื่อมเหล็กกับผู้เสียหายมูลค่ากว่า 150,000 บาท โดยหลอกว่าเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จะขอซื้อเครื่องเชื่อมเหล็กเพื่อไปใช้ในโครงการของหมู่บ้าน โดยจะขอจ่ายเป็นเงินสด แต่พอผู้เสียหายนำของมาส่ง ผู้ต้องหากลับขอจ่ายเป็น เช็คแทน โดยผู้ต้องหาจะเลือกนัดวันรับของจากผู้เสียหายให้ตรงกับวันหยุดราชการ เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายสามารถตรวจสอบกับธนาคารได้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปเบิกเงินกับธนาคาร ปรากฏว่า บัญชีดังกล่าวได้ถูกปิดไปนานแล้ว ผู้เสียหายได้พยายามโทรติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้ว่าถูกหลอก และได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะเข้ามาห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาพาต้าปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร บ่อยครั้งเพื่อมากดเงิน จึงได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่ง วันนี้ เวลาประมาณ 12.00 น. พบผู้ต้องหาเดินเข้าภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวพร้อมบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ และหมายจับดังกล่าวข้างต้นให้ ผู้ต้องหาดู โดยรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวข้างต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การ ภาคเสธ โดยให้การว่า ตนเป็นเพียงพนักงานคอยรับส่งของเท่านั้น โดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 2,000-3,000 บาท
และจากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา พบว่า ผู้ต้องหานี้มีหมายจับ ทั้งสิ้น 18 หมาย และยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดี จำนวน 4 หมายดังกล่าวข้างต้น โดยผู้ต้องหาเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของตำรวจนครบาลจับกุมตัวได้ และศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกผู้ต้องหา เมื่อพ้นโทษออกมาแล้วก็ยังหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ ในลักษณะเดียวกันเรื่อยมา
โดยแต่ละรายจะได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 100,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป