ดร.สามารถเตือนแล้ว ระวังสร้างมอเตอร์เวย์ เกิดค่าโง่รอบใหม่

ค่าโง่คงไม่จบเพียงแค่นี้หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าให้สัมปทานแก่เอกชนต่อไป มีข่าวว่ากรมทางหลวงกำลังเตรียมที่จะประมูลมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทางประมาณ 109 กิโลเมตร โดยให้เอกชนร่วมลงทุนด้วย ซึ่งถือเป็นการให้สัมปทานแก่เอกชน

ยังไม่รู้ว่าประเด็นค่าโง่ทางด่วน  ในกรณีการยืดอายุสัมปทานให้กับบริษัทเอกชน BEM จะจบอย่างไร  ท่ามกลางกระแสคัดค้านอย่างหนัก  ในประเด็นการขยายอายุสัมปทานออกไปอีก 30 ปี เพื่อแลกกับความเสี่ยงเรื่องเงินชดเชยกว่าแสนล้าน   ที่อาจเกิดขึ้นจากการฟ้องร้องในอนาคต ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจบแบบไหน  

ล่าสุด  ดร.สามารถ  ราชพลสิทธิ์  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯกทม.    โพสต์เปิดประเด็นใหม่  ว่าด้วยการปกป้องผลประโยชน์ประเทศ    ว่า    "ช่วงนี้ "ค่าโง่"   เป็นคำฮิตติดปากในแวดวงคมนาคม เริ่มจาก "ค่าโง่โฮปเวลล์" ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายรวมดอกเบี้ยให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เป็นเงินประมาณ 25,000 ล้านบาท 

 

ดร.สามารถเตือนแล้ว ระวังสร้างมอเตอร์เวย์ เกิดค่าโง่รอบใหม่


มาจนถึง "ค่าโง่ทางด่วน" ซึ่งเกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 โดยมีมูลค่าข้อพิพาท 137,517 ล้านบาท

 

 


ค่าโง่คงไม่จบเพียงแค่นี้หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าให้สัมปทานแก่เอกชนต่อไป  มีข่าวว่ากรมทางหลวงกำลังเตรียมที่จะประมูลมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทางประมาณ 109 กิโลเมตร โดยให้เอกชนร่วมลงทุนด้วย ซึ่งถือเป็นการให้สัมปทานแก่เอกชน

 

 

ดร.สามารถเตือนแล้ว ระวังสร้างมอเตอร์เวย์ เกิดค่าโง่รอบใหม่

แผนแม่บทมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศประกอบด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์เป็นระยะทางรวม  4,150 กิโลเมตร เปิดใช้แล้ว 217.5 กิโลเมตร กำลังก่อสร้าง 350 กิโลเมตร ดังนั้น เหลือมอเตอร์เวย์ที่จะต้องก่อสร้างอีกเป็นระยะทาง 3,582.5 กิโลเมตร

 

 


การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ที่ผ่านมาเป็นการลงทุนโดยรัฐทุกสาย บางสายใช้เงินงบประมาณ บางสายใช้เงินกู้ และบางสายใช้เงินสะสมที่เก็บจากค่าผ่านทางมาช่วยด้วย ไม่มีสายใดเลยที่ให้เอกชนลงทุนหรือร่วมลงทุน เป็นผลให้ค่าผ่านทางหรือค่ามอเตอร์เวย์ไม่แพง

 

 


แต่มาถึงปัจจุบันการลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์กำลังจะเปลี่ยนจากรัฐลงทุนเองทั้งหมดเป็นรัฐกับเอกชนร่วมกันลงทุน โดยจะเริ่มจากการลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ เป็นสายแรก

 

ดร.สามารถเตือนแล้ว ระวังสร้างมอเตอร์เวย์ เกิดค่าโง่รอบใหม่


มอเตอร์เวย์สายนี้มีวงเงินโครงการ 79,006 ล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเวนคืนที่ดินเป็นเงิน 18,291 ล้านบาท ส่วนเอกชนจะต้องรับผิดชอบค่าก่อสร้างงานโยธา (ถนน สะพาน และที่พักริมทาง) วงเงิน 53,148 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบ (เช่น ระบบเก็บค่าผ่านทาง ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร และศูนย์ควบคุมการจราจร) และค่าควบคุมงานเป็นเงิน 7,567 ล้านบาท ในส่วนของค่าก่อสร้างงานโยธานั้น เอกชนสามารถขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐได้ไม่เกินวงเงิน 53,148 ล้านบาท เอกชนรายใดขอเงินอุดหนุนจากรัฐน้อยที่สุดก็จะมีโอกาสได้รับงาน

 

 


เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าการร่วมลงทุนโครงการโดยเอกชนนั้น เขามุ่งหวังที่จะได้กำไรมากที่สุด และลดความเสี่ยงลงให้ได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ เอกชนจึงต้องการให้รัฐช่วยอุดหนุนค่าก่อสร้างงานโยธามากที่สุด เพื่อลดต้นทุนค่าก่อสร้างของตนเอง ดังนั้น ในการประมูลที่จะมีขึ้น คาดว่าเอกชนผู้เข้าร่วมประมูลจะขอให้รัฐช่วยอุดหนุนค่าก่อสร้างงานโยธาเป็นจำนวนเต็มหรือเกือบเต็มวงเงินงานโยธา 53,148 ล้านบาท หากเป็นเช่นนี้ จะทำให้รัฐกลายเป็นผู้ลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธาเสียเอง

 

 


โดยสรุป การลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ วงเงิน 79,006 ล้านบาท เป็นการลงทุนโดยรัฐ 71,439 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90.4% ประกอบด้วยค่าเวนคืนที่ดิน 18,291 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานโยธา 53,148 ล้านบาท ในขณะที่เอกชนลงทุน 7,567 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.6% ประกอบด้วยค่าก่อสร้างงานระบบ 3,822 ล้านบาท และค่าควบคุมงานรวมทั้งค่าใช่จ่ายอื่นๆ 3,745 ล้านบาท

 

 


การให้เอกชนร่วมลงทุน และให้สิทธิ์เก็บค่าผ่านทางเป็นเวลา 30 ปี ย่อมทำให้อัตราค่าผ่านทางสูงกว่ารัฐลงทุนเองทั้งหมด และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างรัฐกับเอกชน  ในกรณีที่รัฐไม่สามารถขึ้นค่าผ่านทางตามที่ตกลงกันไว้ได้ และ/หรือ  ในกรณีที่รัฐก่อสร้างถนนสายอื่นทำให้เกิดเป็นคู่แข่งขันกับมอเตอร์เวย์ เป็นเหตุให้เอกชนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ จนอาจกลายเป็น "ค่าโง่มอเตอร์เวย์" ขึ้นมา

 

 

 


ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาทบทวนการลงทุนโครงการนี้เสียใหม่ โดยขอเสนอให้รัฐลงทุนเองทั้งหมด เนื่องจากเงินที่เอกชนจะร่วมลงทุนจำนวน 7,567 ล้านบาทนั้น อยู่ในขีดความสามารถของรัฐที่จะจัดหามาได้ หากไม่มีเงินงบประมาณก็ใช้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือเงินสะสมที่เก็บจากค่าผ่านทาง

 

 


การลงทุนเองทั้งหมดโดยรัฐ จะทำให้ผู้ใช้มอเตอร์เวย์เสียค่าผ่านทางไม่แพง อีกทั้ง ค่าขนส่งสินค้าก็จะไม่แพง ทำให้ราคาสินค้าไม่แพงตามไปด้วย ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้มี "ค่าโง่มอเตอร์เวย์" เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง!!

 

 

ดร.สามารถเตือนแล้ว ระวังสร้างมอเตอร์เวย์ เกิดค่าโง่รอบใหม่