- 13 ก.ย. 2562
รองผู้การนครบาล9 ถูกปลอมเฟซบุ๊ค เเละไลน์ หลอกวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่ง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ก.ย. พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม จับกุมตัว นายกานพล หรือ “กฤต” กองมงคล อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.477/2562 ลงวันที่ 9 ก.ย.62 ข้อหา “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแค่บางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และบัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ โดยจับกุมตัวได้หน้าบ้านเลขที่ 76 หมู่ 4 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน
พ.ต.อ.ธีระ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายคือ พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.น.9 เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ว่า มีผู้แอบอ้างนำรูปประจำตัวไปสมัครแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อทำการหลอกลวงนายตำรวจหลายๆ คน ว่า สามารถช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งได้ ทำให้มีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น พ.ต.อ.สุริยา จริงๆ กระทั่งทางฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม สืบทราบว่า นายกานพล ผู้ต้องหารายนี้ เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาก่อนและถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัวได้เมื่อปี 2555 ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน พอพ้นโทษออกมาก็ไม่เข็ดหลาบยังมีพฤติกรรมแบบเดิมอีก จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ก่อนติดตามไปจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานอยู่ในท้องที่ จ.ลำพูน
จากการสอบสวน นายกานพล ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นพ่อค้าตระเวนขายผลไม้อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และเคยคลุกคลีกับพรรคพวกที่เป็นตำรวจ ตชด.มาก่อน ทำให้รู้ถึงแนวทางในการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ จึงไปซื้อซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ 082-478-0347 มาใช้กับโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ก่อนนำมาสมัครแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ พ.ต.อ.สุริยา และใช้รูปประจำตัวของ พ.ต.อ.สุริยา ซึ่งหามาได้จากทางโซเชียลมีเดีย มาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ จากนั้นใช้วิธีโทรศัพท์ไปตามโรงพักต่างๆ เพื่อสุ่มหลอกลวงนายตำรวจสัญญาบัตร อ้างว่า ตนเป็นนายตำรวจระดับสูงปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. และสามารถช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายได้ เมื่อเหยื่อตายใจหลงเชื่อก็จะใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ทักไปหาเพื่อความน่าเชื่อถือ โดยที่ผ่านมาทำสำเร็จมาแล้ว 4 ครั้ง ได้เงินครั้งละ 200,000 – 300,000 บาท เงินที่ได้มาก็นำมาเที่ยวเตร่และใช้จ่ายจนหมด
ด้าน พ.ต.อ.สุริยา ซึ่งเดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง กล่าวว่า ยืนยันตนไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหารายนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าตนที่ จ.สุราษฎร์ธานี โทรศัพท์มาหาตนสอบถามว่า ตนใช้เบอร์โทรศัพท์กับแอพพลิเคชั่นไลน์เบอร์เดิมหรือไม่ เพราะมีคนแอบอ้างตัวเป็น พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว โทรศัพท์ไปหาพนักงานสอบสวนที่โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี อ้างว่าสามารถช่วยเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายได้ พอตนนำเบอร์โทรศัพท์ของผู้แอบอ้างมาทดลองแอดไลน์ ก็ปรากฏรูปประจำโปรไฟล์เป็นรูปตนที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2560 พอทราบว่าเป็นการนำรูปไปแอบอ้างและน่าจะได้รับความเสียหายแน่นอนแล้ว จึงเข้าแจ้งความกับ สน.ท่าข้าม ให้ฝ่ายสืบสวนแกะรอยล่าตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี
(โฉมหน้าชัดๆ ชายที่ปลอมเเปลงเฟซบุ๊ค)
"จากการตรวจสอบเงินในบัญชีของผู้ต้องหาพบว่ามีเงินในบัญชีหมุนเวียนนับล้านบาท โดยที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ บช.ภ.5 แต่จะสุ่มโทรศัพท์ติดต่อไปหาตำรวจสัญญาบัตรระดับรองสารวัตร ตำแหน่งร้อยตำรวจเอก ที่กำลังจะขึ้นเป็นสารวัตร ในพื้นที่ บช.ภ.8 เพื่อให้ไกลจากภูมิลำเนาตัวเอง โดยตนนั้นเชื่อว่า น่าจะมีผู้เสียหายหลงเชื่ออยู่หลายรายจากหลายสิบโรงพักแต่คงไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความ ซึ่งตนในฐานะเป็นผู้เสียหายที่โดนแอบอ้างจะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งแพ่งและอาญากับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด" พ.ต.อ.สุริยา กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-กองปราบ บุกรวบ แก๊งต้มตุ๋นหลอกคนแก่ขอข้าวกิน เข้าไปขโมยของในบ้าน
-รวบแก๊งต้มตุ๋นหลอกเศรษฐินี สูญเงินกว่า 232 ล้าน หลงเชื่อพล็อตละครมรดกพันล้าน
-หนุ่มดัดหลังเพจต้มตุ๋นจีนขายสินค้าหลอกลวง ใช้ภาษาสก๊อยตอบกลับ แล้วให้ที่อยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไป-แทน!
-งานเข้า! "โหน่ง ชะชะช่า" โอนเงินช่วยเหลือสาวทุกข์ยาก ก่อนชาวเน็ตงัดหลักฐานแฉ อาจเป็นแก๊งต้มตุ๋น