- 16 ม.ค. 2563
ถือเป็นประเด็นร้อนข้ามปี กับแนวทางการทำงานการเมืองของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในความพยายามทุกวิถีทาง กดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แสดงความรับผิดชอบเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณฯก่อนเข้ารับตำแหน่ง
ถือเป็นประเด็นร้อนข้ามปี กับแนวทางการทำงานการเมืองของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในความพยายามทุกวิถีทาง กดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แสดงความรับผิดชอบเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณฯก่อนเข้ารับตำแหน่ง
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : อ.ชูชาติ แนะเสรีพิศุทธ์ อ่านข้อกม.ให้ดีก่อน เห็นประกาศกร้าวจะเช็คบิล 7 กกต.)
ล่าสุด นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมกันแถลงเพื่อยื่นญัตติด่วนเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย พ้นจากตำแหน่ง พร้อมรายชื่อ ส.ส.รับรองในญัตตินี้ จำนวน 52 คนตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2562 ข้อ 108 (5)
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ระบุถึงเหตุผลที่ต้องมีการยื่นญัตติดังกล่าว เนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการฯเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ได้มีการพิจารณาเรื่องการถวายสัตย์ปฎิญาณของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต่อมาคณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมากจำนวน 8 คนจากทั้งหมด 15 คน ได้มีมติโดยการขานชื่อ เพื่อยืนยันว่าต้องการให้ยุติการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของคณะกรรมาธิการฯที่จะตรวจสอบได้
แต่เมื่อคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากได้มีมติแล้ว ปรากฎว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับละเลยมติเสียงข้างมาก โดยไปอ้างข้อบังคับการประชุมสภาฯไม่ถูกต้อง พร้อมกับอ้างอำนาจความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯเพื่อไม่ให้ถือเอาตามมติเสียงข้างมาก จึงเป็นผลให้กรรมาธิการเสียงข้างมากจ ะต้องดำเนินการกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ในสภาฯด้วยการเสนอญัตติฉบับนี้
"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้อาศัยสถานะความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯทำการตรวจสอบการถวายสัตย์ของนายกฯและคณะรัฐมนตรี ทั้งที่เรื่องดังกล่าวอยู่ในเขตพระราชอำนาจ การกระทำของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างยิ่ง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงไม่สมควรที่จะปฎิบัตหน้าที่ประธานและกรรมาธิการต่อไป เพราะปฎิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจตรวจสอบดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้วินิจฉัยตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 32/2562 จึงขอเสนอญัตติด่วนเพื่อให้สภาฯพิจารณาดำเนินการและมีมติให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พ้นจากการเป็นกรรมาธิการฯต่อไป ผมเป็นนักฎหมายผ่านเรื่องต่างๆมากมาย ถ้าท่านยังไม่หยุด จะเป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างคาดไม่ถึง" นายไพบูลย์ กล่าว
ขณะที่ นายสิระ กล่าวว่า ส่วนตัวอยู่ในเหตุการณ์ระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งยืนยันได้ว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาฯชัดเจน หากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป ตนเองจะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีอีกหลายคดี สำหรับการที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะยื่นฟ้องส.ส.ที่ลงมติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563นั้น เห็นว่าเมื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มองว่าการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณมิชอบด้วยกฎหมายแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ไม่ควรรับเงินเดือนแต่อย่างใด