- 29 พ.ค. 2563
หลังจากมีความคลุมเครือในระดับสำคัญ จากกระแสข่าวว่าสำนักอัยการสูงสุด โดยรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทน นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด มีการลงนามคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีความของนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,91 จากกรณีตรวจพบหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ทุจริตการปล่อยสินเชื่อธ.กรุงไทยฯ ให้ธุรกิจเครือกฤดามหานคร หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้อง ท่ามกลางข้อสงสัยในพฤติการณ์ว่าทำไมต้องเป็นรองอัยการสูงสุด ลงนามสั่งคดีที่มีความสำคัญทางการเมืองดังกล่าว
หลังจากมีความคลุมเครือในระดับสำคัญ จากกระแสข่าวว่าสำนักอัยการสูงสุด โดยรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทน นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด มีการลงนามคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีความของนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,91 จากกรณีตรวจพบหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ทุจริตการปล่อยสินเชื่อธ.กรุงไทยฯ ให้ธุรกิจเครือกฤดามหานคร หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้อง ท่ามกลางข้อสงสัยในพฤติการณ์ว่าทำไมต้องเป็นรองอัยการสูงสุด ลงนามสั่งคดีที่มีความสำคัญทางการเมืองดังกล่าว
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : สะพัด โอ๊ค รอดคุก รองอสส.เซ็นต์ไม่อุทธรณ์คดี อัยการสูงสุด โร่แจงขอตรวจสอบก่อน )
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษสำนักงานคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงถึงกรณีที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่า การพิจารณาผลสรุปคำสั่้งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่โดยนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด คนที่ 1 ซึ่งอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่รักษาราชการเเทนนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ระหว่างเดินทางไปราชการในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 7 เป็นผู้ลงนามคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดี
โดยสำนวนดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาความเห็นเเย้ง ได้ทำความเห็น ควรไม่อุทธรณ์คดีดังกล่าว ก่อนส่งความเห็นมายังอัยการสูงสุด โดยมีนายเนตร ซึ่งรักษาราชการเเทน พิจารณาเเล้วมีความเห็นตามควรไม่อุทธรณ์คดี ตามที่สำนักงานชี้ขาดคดีทำความเห็นมา จึงมีความเห็นชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลสูง เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ส่วนที่มีการยื่นขยายอุทธรณ์ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม เเล้วนั้น ศาลอาญาคดีทุจริตฯอนุญาตขยายอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 25 มิถุนายน เนื่องจากขณะนั้นทางสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ยังไม่ทราบคำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุดจึงได้ยื่นอุทธรณ์ไปตามระเบียบก่อน
“ถือว่าคดีนี้สิ้นสุดลงแล้วตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดเหตุผลในการสั่งคดีดังกล่าว ทางนายวงศ์สกุล อัยการสูงสุดได้สั่งการให้อัยการที่เกี่ยวข้องรายงานชี้เเจงมาเพื่อทราบต่อไป”
อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นอำนาจโดยตรงของอัยการสูงสุด แต่การตัดสินใจแทนโดย รองอัยการสูงสุด ทั้ง ๆ ที่มีลำดับเวลาให้มีการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ย่อมเป็นที่กังขาของสาธารณชนอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกับประเด็นข้อพิสูจน์ทางคดีที่วันนี้ กลับถูกตัดตอนไปอย่างสิ้นเชิงโดยการทำหน้าที่ของอัยการสูงสุด ที่ชื่อ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิด 4 เหตุผลร้อน ทำไมอสส.ต้องอุทธรณ์คดี โอ๊ค ฟอกเงินกรุงไทย )
ขณะที่ก่อนหน้านั้น นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เคยเป็นผู้แถลงถึงเหตุผลที่ คณะทำงานสำนักงานอัยการคดีพิเศษ และคณะทำงานสำนักงานอัยการคดีศาลสูง ที่มีนายมนต์ชัย บ่อทรัพย์ เป็นอธิบดีอัยการ พิจารณาเห็นตรงกันว่าไม่ควรอุทธรณ์คดีความผิดของนายพานทองแท้
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : อัยการศาลสูง ยืนกรานไม่อุทธรณ์ คดี โอ๊ค พานทองแท้ ฟอกเงินกรุงไทย )