- 03 ก.ค. 2563
กลายเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองจนได้ หลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร อ้างมติเสียงข้างมากกมธ. ให้ส่งเรื่องกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการส่งเรื่อง ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการเอาผิดในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
กลายเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองจนได้ หลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร อ้างมติเสียงข้างมากกมธ. ให้ส่งเรื่องกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการส่งเรื่อง ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการเอาผิดในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เสรีพิศุทธ์ สบช่องกมธ.อยู่ไม่ครบ ลงมติเสียงข้างมาก ยื่นป.ป.ช.เอาผิด นายกฯตู่ ปมถวายสัตย์ฯ )
ล่าสุด นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการฯ และกรรมาธิการ รวม 8 คน รวบรัดใช้มติเสียงข้างมากเสนอเรื่องให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งให้ป.ป.ช.ไต่สวนและเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง
เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการฯเคยมีมติเสียงข้างมากแล้วให้ยุติการพิจารณาเรื่องการถวายสัตย์ จึงเป็นที่มาของการเสนอญัตติให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ และได้บรรจุญัตตินี้เข้าสภาตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งไม่รับคำร้องในประเด็นดังกล่าว ด้วยเหตุนี้จะได้ประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเ พื่อให้เลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวขึ้นมาให้ได้รับการพิจารณาก่อนในที่ประชุมสัปดาห์หน้า
"เมื่อท่านไม่ยอมหยุด ผมก็ต้องหยุดท่านโดยเสียงของสภา โดยในญัตติที่ผมได้เสนอเข้าสภาระบุชัดเจนว่าการดำเนินการของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นการดำเนินการมิชอบ หากสภาฯเห็นด้วยก็ย่อมมีผลผูกพันและมีผลให้มติที่ยื่นประธานสภาฯไปนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย การพิจารณาของสภาฯเท่ากับเป็นการวินิจฉัยและรับรองไปด้วย หมดทางเลือกแล้วเพราะต้องเป็นหน้าที่ของสภาฯ"
ตอนท้าย นายไพบูลย์ ยังเน้นย้ำด้วยว่า เรื่องทั้งหมดนี้จะไม่จบแค่ที่สภาฯ เพราะตนเองได้เตือนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไว้หลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่ฟังจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป