- 21 ก.ค. 2563
ล่าสุดหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมือง จากกรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก ออกมาเคลื่อนไหวจัดการชมนุม แต่มีภาพปรากฎรูปแบบการเรียกร้องทางการเมือง มีลักษณะเข้าข่ายจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูง ในลักษณะปลุกเร้ากระแสการเปลี่ยนระบอบการปกครอง ว่า "ตนเป็นห่วงกังวลการเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ ตนได้สั่งการอย่างเดียวว่า ขอให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ซึ่งส่วนตัวก็เห็นใจเด็กๆ เยาวชน นิสิต นักศึกษา และเป็นห่วงแทนผู้ปกครองของเขาด้วย
สืบเนื่องจาก "กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH" ที่แปรสภาพมาจาก "สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย" หรือ สนท. โดยการนำขอ ง เพนกวิน หรือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ , นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ และนายชนินทร์ วงษ์ศรี ออกมาเคลื่อนไหวจัดการชุมนุมเรียกร้อง 3 ข้อต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่กลับปรากฎข้อมูลภาพในโลกโซเชียล จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นข้อคำถามว่า ม็อบต่อต้านรัฐบาลดังกล่าว มีนัยแฝงไปถึงความพยายามเรียกร้อง ให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ผ่านการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง หรือไม่ อย่างไร
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดภาพป้าย แบนเนอร์ม็อบปลดแอก ไม่ใช่แค่โหมปลุกระดมไล่รัฐ ไล่ลุง )
ล่าสุดหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมือง จากกรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก ออกมาเคลื่อนไหวจัดการชมนุม แต่มีภาพปรากฎรูปแบบการเรียกร้องทางการเมือง มีลักษณะเข้าข่ายจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูง ในลักษณะปลุกเร้ากระแสการเปลี่ยนระบอบการปกครอง ว่า "ตนเป็นห่วงกังวลการเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ ตนได้สั่งการอย่างเดียวว่า ขอให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ซึ่งส่วนตัวก็เห็นใจเด็กๆ เยาวชน นิสิต นักศึกษา และเป็นห่วงแทนผู้ปกครองของเขาด้วย
จึงขอให้ระมัดระวังการละเมิดก้าวล่วง ตนคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมนักหรอก ที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ไม่สมควรจะเกิดสำหรับประเทศไทยของเรา ตนจะไม่พูดมากในเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องการให้เป็นประเด็น ส่วน 3 ข้อที่เสนอกันมา ขอให้ไปเสนอในสภาฯ จะมีการตั้งคณะกรรมการอะไรก็ว่าไปกัน ซึ่งมีอยู่แล้ว"
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาผ่อนคลายกิจการและกิจกรรม ในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในระยะที่ 6 ว่า มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันระวัง ไม่ใช่ว่าเมื่อรัฐบาลประกาศผ่อนคลายไปแล้ว แต่ไม่มีใครมาช่วยรัฐบาล ในการดูแลพื้นที่ในทุกขั้นตอน จะต้องมีคนรับผิดชอบช่วยกันดูแลให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในภายหลัง
เพราะเราต้องสร้างความสมดุลให้ได้ระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจระดับฐานราก ซึ่งมีความเดือดร้อนมากมาย และมีทั้งคนเห็นชอบและไม่เห็นชอบ แต่ทุกคนต้องคำนึ่งภาพโดยรวม ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องทำทั้ง 2 ด้าน
ส่วนการพิจารณาต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะครบการต่ออายุในวันที่ 31 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ที่ผ่านมาเคยอธิบายแล้วมีความจำเป็นอย่างไร เพราะหลายกฎหมายไม่ครอบคลุม ซึ่งตนไม่ได้เอากฎหมายฉบับนี้ไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมแต่อย่างใด เพราะมีพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะอยู่แล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการประชุมให้ขยายอายุ พ.ร.กฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2563 โดยจะมีการเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นผู้พิจารณาพรุ่งนี้ (22 ก.ค.63)