- 07 ส.ค. 2563
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊กของ นายอานนท์ นำภา ได้โพสต์ภาพหมายจับ ลงวันที่ 6 ส.ค. 2562 ตามคำร้องของ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ในการดำเนินคดีกับนาย อานนท์ นำภา ฐานกระทำความผิดรามกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือ ติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือ กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด รวมถึงการกระทำความผิดในข้อหาอื่น ๆ ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
สืบเนื่องจากการที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง ทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายอานนท์ นำภา อาชีพทนายความ ฐานจัดการชุมนุมและปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563 โดยมีเนื้อหายุยง ปลุกปั่น บิดเบือน และล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมี พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.สำราญราษฎร์ เป็นผู้รับมอบหนังสือ
พร้อมระบุถึงสาเหตุที่เข้ากล่าวโทษนายอานนท์ว่า การกระทำของนายอานนท์ มีลักษณะก้าวล่วง ละเมิด ให้ร้าย เสียดสี ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะมีการปลุกระดมให้ประชาชนออกมา ร่วมวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สาธารณะ อันเป็นวิธีการยุยงก่อให้เกิดความเสียหาย และความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติ ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย จึงได้มากล่าวโทษนายอานนท์และพวก เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับนายอานนท์และผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
"ตนได้ยื่นคำร้องพร้อมด้วยหลักฐานบันทึกข้อมูล การกล่าวปราศรัยก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ทั้งภาพและเสียงอย่างครบถ้วน ส่วนจะเข้าข่ายการกระทำผิดข้อหาใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็น กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ( องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้) และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) อันเป็นหลายกรรมหลายความผิด ที่เชื่อว่าจะดำเนินคดีเอาผิดกับนายอานนท์ได้"
พร้อมกันนี้ นายอภิวัฒน์ ยังฝากไปถึงนายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอให้สอดส่องพฤติกรรมของนายอานนท์ เพราะการเป็นทนายความมีหลักปฏิบัติว่า ต้องประพฤติตนมีศีลธรรมอันดี ดังนั้นการที่นายอานนท์กล่าวจาบจ้วงสถาบันฯ ทั้งที่สภาทนายความอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงเป็นการไม่ถูกต้องและเสื่อมเสียเกียรติภูมิของสภาทนายความฯด้วย
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊กของ นายอานนท์ นำภา ได้โพสต์ภาพหมายจับ ลงวันที่ 6 ส.ค. 2562 ตามคำร้องของ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ในการดำเนินคดีกับนาย อานนท์ นำภา ฐานกระทำความผิดรามกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือ ติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือ กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด รวมถึงการกระทำความผิดในข้อหาอื่น ๆ ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ก่อนหน้านั้นนายอานนท์ ได้โพสต์การเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อเนื่องจากกิจกรรมที่จัดขึ้นที่บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยอ้างถึงสิทธิเสรีภาพทางกฎหมายในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และยืนยันจะเดินสายปราศรัยในประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตามเวทีต่าง ๆ ที่มีการจัดชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมเยาวชนปลดแอกฯ ซึ่งประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น คณะประชาชนปลดแอก - Free People นำโดยนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการและนางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท.
พร้อมประกาศข้อเรียกร้อง 3 ภายใต้ 2 หลักการ คือ
1.) ต้องหยุดใช้อำนาจรัฐคุกคามผู้เห็นต่าง
2.) ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน ไม่ใช่จากการใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงทางกฎหมายเพื่อประโยชน์แก่คนบางกลุ่ม
3.) รัฐบาลต้องยุบสภา หลังจากดำเนินการข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว เพื่อให้มีการเลือกตั้งบนกติกาที่เป็นธรรมและเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศที่ล้มเหลว
พร้อมประกาศชุมนุมใหญ่ครั้งแรก วันที่ 16 ส.ค. และขีดเส้นตายให้ผู้มีอำนาจต้องยุบสภาฯ ก่อนการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปลายเดือนก.ย.นี้ รวมถึงจะเดินหน้าสนับสนุนการปราศรัยของนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มเยาวชนโต้กลับ ในการพูดพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูตามที่สาธารณะต่าง ๆ โดยอ้างว่าเป็นการพูดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ข้อหาในการดำเนินคดีกับนายอานนท์ โดยหลักๆ เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ระบุว่า “ผู้ใดกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(3) เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”