- 10 ก.ย. 2563
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากอีกหนึ่งเคส เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น โดยเพจเฟซบุ๊ก โปลิศไทยแลนด์ - Police Thailand News โพสต์ข้อความระบุว่า "#วัยรุ่นยกพวกตามตีคู่อริในตึกฉุกเฉินในรพ.พระจอมเกล้า คนป่วยอุ้มลูกหนีจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่รุดห้ามก่อนเหตุบานปลาย
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากอีกหนึ่งเคส เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น โดยเพจเฟซบุ๊ก โปลิศไทยแลนด์ - Police Thailand News โพสต์ข้อความระบุว่า "#วัยรุ่นยกพวกตามตีคู่อริในตึกฉุกเฉินในรพ.พระจอมเกล้า คนป่วยอุ้มลูกหนีจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่รุดห้ามก่อนเหตุบานปลาย
เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 9 ก.ย. ศูนย์วิทยุ 191 เพชรบุรี รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน บุกเข้ามาทำร้ายร่างกายกันด้านในอาคารห้องฉุกเฉินจนเกิดความวุ่นวาย จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถยนต์ สภ.เมืองเพชรบุรี กว่า 10 นายเข้าระงับเหตุ
พบที่บริเวณหน้าตึกฉุกเฉิน รพ.พระจอมเกล้ามีกลุ่มวัยรุ่นชาย หญิง กว่า 10 คน รวมตัวกันอยู่ส่งเสียงดังโวยวาย โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้าควบคุมความเรียบร้อยมีกลุ่มวัยรุ่น 2-3 คนได้วิ่งเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ป่วยที่บริเวณหน้าห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จึงเข้าไประงับเหตุควบคุมตัว และพูดคุยและขอให้วัยรุ่นที่เหลือออกไปนอกโรงพยาบาลเพราะเกรงจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทซ้ำซาก ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ยอมขับรถออกจากโรงพยาบาลทันทีจึงทำให้เหตุการณ์สงบลง
ร.ต.ท.หญิงศุภนิจ มีพันธ์ ร้อยเวร สภ.เมืองเพชรบุรี ตรวจสอบทราบว่าการเข้ามาทำร้ายร่างกายดังกล่าวเป็นเหตุต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีวัยรุ่นชาย 1 คนทราบชื่อต่อมาคือนายประกายฟ้า โมราวงศ์ อายุ20 ปี อยู่บ้าน ถ.พระทรง ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ได้เข้ามารับการรักษา เนื่องจากถูกแทงด้วยของมีคมชายโครงซ้ายทะลุปอดอาการสาหัส
สอบถามทราบ เป็นเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นคู่อริที่ร้านหมูกระทะมาเฟีย ถ.ภูมิรักษ์ ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี ขณะที่วัยรุ่นที่เป็นคู่กรณี เป็นผู้ใช้มีดแทงนายประกายฟ้า ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายเดชาวัต ตาละกาญจนวัฒน์ หรือ “วัต ท่าหิน” อายุ 18 ปี อยู่บ้าน ถ.โพธิ์การ้อง ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เข้ามารับการรักษาในเวลาใกล้เคียงกันด้วยอาการถูกของแข็งตีศีรษะแตก
ต่อมากลุ่มเพื่อน และญาตินายประกายฟ้า ผู้ถูกแทงกว่า 10 คน เข้ามาเยี่ยมอาการของนายประกายฟ้า และพบเห็นกลุ่มของนายเดชาวัต อยู่ด้านหน้าตึกฉุกเฉินจำนวนมาก จึงเกิดการโมโห พากันวิ่งกรูเข้าไปรุมชกต่อยก่อเหตุทะเลาะวิวาทซ้ำ และลุกลามเข้ามาที่หน้าห้องฉุกเฉินจนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ผู้ป่วยรายอื่นต้องรีบอุ้มลูก และญาติหลบหนีกันจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่ของ รพ.พระจอมเกล้าเพชรบุรีจึงได้โทรศัพท์ขอกำลังช่วยเหลือ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี เข้าระงับเหตุ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างรวบรวมหาข้อมูลพยานหลักฐาน และ สาเหตุ
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ พบว่ากลุ่มของนายประกายฟ้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงมาเข้ารับการรักษาเมื่อช่วงเวลา 00.37 น.โดยนายประกายฟ้าสวมเสื้อเชิ้ตแจนสั้นสีน้ำเงิน ไม่ติดกระดุมเดินเข้ามาตรงบริเวณจุดซักประวัติผู้ป่วย มีอาการรู้สึกตัวดีมีแผลถูกแทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายโดยมีเพื่อนและญาติ ๆ เข้ามาอยู่ด้วย โดยหลังจากซักประวัติเสร็จเจ้าหน้าที่พยาบาลได้นำนายประกายฟ้าที่ถูกแทงขึ้นเตียงนอนแล้วเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ต่อมาเวลา 00.55 น.ปรากฏภาพคนไข้ที่มานั่งรออยู่ในตัวอาคารเกิดอาการตกใจอุ้มลูกวิ่งหนี หลังจากได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากด้านข้างตัวอาคาร หลังจากนั้นก็มีวัยรุ่นวิ่งเข้ามาจากด้านข้างตัวอาคารซึ่งเป็นช่องทางรถเข็นเปลผู้ป่วย วิ่งตามกันเข้ามาทำร้ายร่างกายกัน ทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวต่างพากันวิ่งหลบหนีรวมถึงเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ต้องรีบเข็นเตียงผู้ป่วยหลบเข้าไปในห้องที่ปลอดภัย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ
ล่าสุดนายแพทย์เอกโชต์ พีรธรรมานนท์ หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านบริการตติยภูมิ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี เปิดเผยว่า โดยเบื้องต้นทราบข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุโรงพยาบาลได้มีมาตรการป้องกันการเกิดเหตุอยู่แล้ว โดยเมื่อมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่จะประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาคอยควบคุมระงับเหตุในทันที ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้จัดกันผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวข้องให้หลบเข้าไปในห้องฉุกเฉินปิดประตูกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นคณะผู้บริหารโรงพยาบาลพระจอมเกล้า การเรียกประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนความเสียหายขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ และจะแจ้งความดำเนินคดีผู้ก่อเหตุตามกกหมายฐานก่อเหตุวุ่นวาย และทำร้ายร่างกายในโรงพยาบาล เป็นเหตุให้ผู้ป่วยและบุคคลากรทางการแพทย์ตื่นตระหนกตกใจ และอาจได้รับอันตราย ทั้งนี้จะรวบรวมข้อมูลพร้อมเรียกประชุมส่วนเกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางระวังป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก โปลิศไทยแลนด์