- 04 ต.ค. 2563
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยืนยันต้องเปิดพื้นที่ม็อบ วิพากษ์วิจารณ์ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ปลุกแก้รธร.รื้อระบอบประยุทธ์
ยังคงมีการเคลื่อนไหวให้ต้องติดตามต่อเนื่อง สำหรับท่าทีของกลุ่มแกนนำคณะก้าวหน้า ที่ถูกตั้งวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่า อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมมวลชน ให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนจะขยายความคิดไปสู่การเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันกษัตริย์ แต่ใช้คำว่าปฏิรูปเป็นนิยามการสร้างกระแสผ่านคำปราศรัยและช่องทางโซเชียลต่าง ๆ
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : อดีตบิ๊กข่าวกรอง จัดอีกชุดใหญ่ ปิยบุตร ย้ายไปฝรั่งเศสดีกว่า พูดไม่หมดความเลว ปีแยร์ ยกย่องโค่นกษัตริย์ )
ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้พูดถึงการชุมนุมของนิสิต นักศึกษาและประชาชนที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ต.ค. 2563 นี้ว่า การจัดชุมนุมหลายๆ ครั้งผ่านไปด้วยดี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านิสิตนักศึกษาที่จัดงานมีวุฒิภาวะ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใครกล่าวหาว่า เป็นการชุมนุมเพื่อกระตุ้นรุนแรงปิดเกมแต่อย่างใด ดังนั้นจึงอยากฝากรัฐบาล เจ้าหน้าที่ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ที่ออกมาใช้เสรีภาพของตนเอง ถือเป็นคนที่มีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง ภาครัฐจึงต้องยุติกระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือได้แล้ว และควรเปิดให้ทุกคนได้ใช้เสรีภาพ เพราะถ้ารัฐบาลเข้มแข็งจริง ทำผลงานได้อย่างดีจริง
"การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนรอบนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการพูดถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วก็ถูกฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายอนุรักษ์นิยมตกขอบ กล่าวหาว่าเป็นพวกล้มล้างสถาบัน แต่ท้ายที่สุดจะเห็นชัดว่า สังคมไทยเราเติบโตมาขึ้นกว่าเดิมเยอะ เราเรียนรู้กับประชาธิปไตยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เรามีวุฒิภาวะกันมากขึ้น ผ่านกันมาได้หลายเดือนแล้ว ที่มีการพูดกันตรงไปตรงมาเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่มีคนกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี แต่สังคมไทยก็ยินยอมพร้อมที่จะรับฟังกันในเรื่องหนักๆ อย่างนี้ได้ ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายที่ดี หากเราคิดว่าเส้นทางที่ผ่านมา 44 ปี 6 ตุลาคม 2519 สอนอะไรกับเรา ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ก็ช่วยได้เยอะ พี่น้องสื่อมวลชนช่วยได้เยอะ ร่วมกันประคับประคองสถานการณ์ไม่ใช่ไปซ้ำเติมปลุกปั่นให้แรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าเป็นการพยายามสร้างพื้นที่สาธารณะ ให้มีการถกเถียงกันในประเด็นอ่อนไหวอย่างเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ได้"
นอกจากนี้นายปิยบุตร ยังกล่าวด้วยว่า การชุมนุมครั้งนี้ ตนคิดว่าคงจะไม่ใช่แบบม้วนเดียวจบหรือไม่ชนะไม่เลิก อย่างนั้นไม่น่าจะใช้การได้ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว แต่เชื่อว่า การชุมนุมแต่ละครั้งได้ทำลายความชอบธรรมการมีอยู่ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว และเชื่อว่าถ้าพี่น้องประชาชนออกมาแสดงพลังให้เห็น อย่างน้อยๆ ผู้มีอำนาจในปัจจุบันก็ต้องคิดว่าท่านจะยังครองอำนาจอย่างนี้ต่อไป หรือคืนอำนาจประชาชนแล้วสร้างกติกากันใหม่ ถ้าจะกลับมาก็ต้องมาตามระบบปกติ ดังนั้น ถ้าคุณประยุทธ์คิดถึงลูกๆ หลานๆ คิดยาวๆ ท่านน่าจะออกไปได้แล้ว
ส่วนสถานการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 นายปิยบุตร ระบุว่าน่าจะเป็นไปได้ที่คงมีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว โดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อาจลงมติผ่านวาระ 1 ในญัตติที่ให้มีการเปิดทางตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมา และร่างนี้ก็น่าจะผ่าน แต่ในเรื่องอื่นๆ ญัตติอื่นๆ นั้นไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้มี สสร. แต่เพียงอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ เพราะกว่าเราจะได้ สสร. กว่าที่ สสร.จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับเสร็จ น่าจะกินเวลานานหลายปี ซึ่งเผลอๆ รัฐบาลชุดนี้อาจจะอยู่จนครบเทอม และนั่นเท่ากับว่าเราจะอยู่กับระบอบประยุทธ์ที่สร้างขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าสิ่งสำคัญนอกจากทำให้มี สสร. แล้ว จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตราในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ออก