ทนายเดชาแจงรัวสถานะ ไม่เกี่ยวครูพี่เลี้ยง งัดหนังสือรร.สารสาสน์โต้ครูจุ๋ม อ้างโดนบังคับแจ้งความผู้ปกครอง

กำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ จากที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้เดินทางมาพร้อมกับ น.ส.อรอุมา หรือ ครูจุ๋ม เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปกครองของเด็กอนุบาล หลังจากที่ได้เห็นคลิปที่ครูจุ๋มทำร้ายลุกของตน จึงบันดาลโทสะ กระโดดทีมครูจุ๋ม ซึ่งทำให้ผลเสียตกไปอยู่ที่ ทนายเดชาอย่างจังจนแฟนคลับหลายคนขอเลิกติดตาม

กระทั่งต่อมา ทนายเดชา ได้โพสต์คลิปพร้อมทั้งระบุข้อความว่า "#ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กับทนายคลายทุกข์ จะมุ่งมั่นให้ความรู้ทางกฎหมายและวิเคราะห์ข่าวเด่นคดีดังต่อไปท่านใด มีปัญหาข้อกฎหมายยังคงปรึกษาได้เหมือนเดิมได้ที่ 02-9485xxx หรือ  081-6161xxx  สิ่งใดที่ผมตัดสินใจผิดพลาดไปต้องกลับขออภัยพี่น้องประชาชนมานะที่นี้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือวิชาชีพทนายความ จึงเรียนมายังท่านเพื่อทราบจากทนายคลายทุกข์ผมจะสู้ต่อไปให้ความรู้ทางกฎหมายกับประชาชนต่อไปครับ #ส่วนคนที่ด่าผมผมก็ไม่โกรธครับ"

อ่านข่าว - ทนายเดชา ขยับอีกรอบ ขออภัยแฟนคลับ ตัดสินใจผิดพลาด แต่มีแต่..ใครด่าไม่โกรธ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของครูจุ๋ม น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง อดีตครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ที่ก่อเหตุร้ายร่างกายนักเรียนชั้นอนุบาลที่ตัวเองดูแลตนในฐานะ ทนายความ จะพา ครูจุ๋ม ไปถอนแจ้งความ ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ในคดีที่ไปร้องทุกข์ กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ปกครอง ที่ตบและถีบครูจุ๋ม ขณะแถลงข่าวเรื่องทำร้ายเด็ก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาครูจุ๋มกลับไม่ได้มาตามที่นัดหมายไว้ จึงยังไม่ได้ถอนแจ้งความ ซึ่งทนายเดชา ได้เปิดเผยว่า ได้คุยกับคุณจุ๋ม ว่าต้องการถอนแจ้งความในคดีดังกล่าว แต่ก่อนมาถึงปรากฏว่าตนโทรไปเขาบอกว่ารถเสีย โทรไปอีกทีก็อ้างว่าปวดหัว ซึ่งได้คุยกันตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว แต่ตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ตนยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องถอนแจ้งความ น่าจะเกิดจากกระแสสังคมที่ครอบครัวโดนโจมตีอย่างหนัก การแจ้งความของครูจุ๋มเป็นคดีลหุโทษ ถ้าถอนแจ้งความแล้วก็คงไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ตอนนี้พยายามติดต่อครูจุ๋มแต่ติดต่อไม่ได้ และเรื่องที่ทาง ผอ.จะมารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 7 ต.ค. ทางพนักงานสอบสวนน่าจะเข้าไปรับทราบที่โรงเรียน เพราะมีครูอีก 3 คน

ทนายเดชา ยังยอมรับว่า หลังจากที่ตนเองพาครูจุ๋มเข้าแจ้งความ ก็ถูกกระแสสังคมกดดันจนเครียดหนัก ต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่เหมือนกัน มีทั้งทัวร์มาลงมากมายแม้แต่กระทั่งคนในวงการทนายด้วยกัน ซึ่งตนขอชี้แจงชัดตรงนี้ว่า ตนเป็นทนายรับว่าความให้กับทางโรงเรียนสารสาสน์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับ ครูพี่เลี้ยง

ขณะเดียวกันมีผู้ปกครองมาแจ้งความกรณีทำร้ายลูกและได้ต่อสายโทรศัพท์คุยกับครูจุ๋มซึ่งครูจุ๋มกล่าวทางโทรศัพท์กับผู้ปกครองของนักเรียนต่อหน้าสื่อว่า จริงๆ ตนไม่ได้อยากแจ้งความผู้ปกครองที่ทำร้าย ถ้าจะแจ้งคงแจ้งไปนานแล้ว แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่บีบบังคับมา คือทางโรงเรียนบีบบังคับให้ตนแจ้งความกลับ  ตนรู้สึกผิดที่ทำให้โรงเรียนเสียหายจึงปฏิเสธอะไรมากไม่ได้ จากใจจริงๆคือไม่ได้อยากแจ้งความกลับ เพราะเงียบมาตลอด ทางโรงเรียนก็ติดต่อมา ตนก็เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจ และเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่ทางโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนก็เรียกทนายเดชามาคุย   

ครูจุ๋ม ยังกล่าวว่า ตอนนี้น้ำท่วมปากพูดอะไรมากไม่ได้ ปฏิเสธอะไรไม่ได้  คุยกับคนที่โดนเหตุการณ์เดียวกันว่าเขาจะให้ตนเป็นแพะแทนไหม แต่ตนพูดกับใครไม่ได้ ตนต้องทำเพื่อโรงเรียนเพราะทำให้โรงเรียนเสียหายใช่ไหม ตนคิดมาตลอด ตนคุยกับตำรวจที่เป็นเจ้าของคดี ว่าตนเครียดมากและโดนโรงเรียนบีบมาก โรงเรียนให้บอกว่าถ้ามีคนมาถามให้บอกว่าโรงเรียนไม่ได้ช่วย ตนปรึกษาทนายเอง ตนยอมรับ ตนอยากให้เด็กมีระเบียบ แต่ตนมีความรุนแรงและรู้ว่ามันคือการทำโทษที่ผิดวิธี ตนรู้ตัวว่าผิด และรับผิดทุกอย่าง ตนไม่อยากให้โรงเรียนมาเกี่ยวข้องกับตนแล้ว ตนอยากออกมาไกลๆ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นแล้ว ตอนนี้ตนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง รู้แค่ทางโรงเรียนให้ดำเนินคดีกับพ่อของเด็ก ทุกคนมองทำไมตนต้องมาแจ้งความ ซึ่งตนไม่ได้อยากแจ้งฝากบอกคุณพ่อน้องด้วยว่าตนไม่อยากแจ้งความ อยากไปถอนแจ้งความด้วยซ้ำ 

ล่าสุด โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้ออกแถลงการณ์ขอแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

ในนามของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ 
1. การเข้ามาของทนายเดชากิตติวิทยานันท์นั้น เพื่อให้ความเห็นทางด้านกฎหมายเบื้องต้นเพื่อระงับข้อพิพาทและเยียวยาระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองเท่านั้น 
2. โรงเรียนไม่ได้ต้องการต่อสู้กับผู้ปกครองหรือปฏิเสธความรับผิดชอบต่อนักเรียนและผู้ปกครองแต่ประการใดและยังคงยืนยันเจตนารมณ์ตามมาตราการบันทึกข้อตกลงระหว่างโรงเรียนกับกระทรวงศึกษาธิการและสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 และโรงเรียนจะแจ้งความคืบหน้าการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวให้สาธารณชนทราบต่อไป 
3. โรงเรียนขอปฏิเสธข่าวการบังคับให้นางอรอุมาปลอดโปร่งหรือพี่เลี้ยงจุ๋มแจ้งความต่อผู้ปกครองและไม่เคยมีเจตนาดังที่ถูกกล่าวอ้างพร้อมกับขอสงวนสิทธิ์ดำเนินคดีหากสอบสวนและพบว่านางอรอุมาปลอดโปร่งให้ข้อมูลบิดเบือน