- 19 ต.ค. 2563
ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” ซัดแรงรอบใหม #ปิยบุตรหลอกคนอื่นทำผิดไม่เคยติดคุกเอง นายปิยบุตรเก่งแต่ปลุกระดมอยู่เบื้องหลัง คอยยัดเยียดความคิดให้ผู้อื่นกระทำความผิดทางกฎหมาย และเมื่อมีคนติดคุก นายปิยบุตรก็จะซ้ำเติม นำมาโหนเป็นเครื่องมือปลุกระดมทางการเมือง
ตามติดสถานการณ์การเมืองที่กำลังครุกรุ่น จากจุดเริ่มต้นการเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปสู่การบิดเบือน โจมจีสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกรูปแบบ และในหลายพื้นที่การชุมนุมที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันฯของไทย เพียงแต่ไม่พูดให้ชัดว่าต้องการนำระบอบสาธารณรัฐเข้ามาทดแทน
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : ดร.นิว ซัดฮีโร่หลอกเด็ก ธนาธรโผล่ม็อบ อ้างความสัมพันธ์สถาบันฯ-ปชช.ตกต่ำ จำเป็นต้องปฏิรูป )
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2563 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมนายภาณุพงษ์ จาดนอก และผู้ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ว่าทั้งหมดจะถูกนำตัวไปยังศาลแขวงปทุมวันและต้องดูว่าศาลจะพิจารณาอย่างไร ตนมองว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่ควรที่จะมีการควบคุมตัวหรือจับกุมใครเพิ่ม เพราะจะทำให้สถานการณ์บานปลายมากยิ่งขึ้น พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อเปิดบรรยากาศแห่งการพูดคุย เพราะถ้าหากฝ่ายรัฐบาลยังคงใช้ความรุนแรง การชุมนุมก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น จนอาจไปสู่จัดที่ควบคุมไม่ได้ ส่วนการประกันตัวผู้ต้องหานั้น เท่าที่สังเกตที่ผ่านมา แกนนำหลายคนได้รับการประกันตัวแล้ว จึงหวังว่ากรณีนี้จะได้รับการประกันตัวเช่นเดียวกัน
"ทุกคนใช้เสรีภาพในการชุมนุมและหากยิ่งจับกุมมากเท่าไหร่ จะทำให้เกิดแฟล๊ชม็อบแบบไม่มีแกนนำโดยสมบูรณ์แบบ และได้เกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อไม่มีแกนนำ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยอย่างไร กับใคร และหากเจ้าหน้าที่ยังใช้มาตรการเข้มข้นแบบที่ทำมา การชุมนุมจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ดังนั้นเพื่อให้เห็นถึงการแสดงความจริงใจต่อกัน เบื้องต้นรัฐบาลต้องประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เปิดพื้นที่ให้ใช้เสรีภาพในการชุมนุม รวมทั้งปรับทิศทางต่างๆ เข้าหากันเพื่อประคับประคองสถานการณ์ต่อไป"
พร้อมระบุด้วยว่า "เงื่อนไขแรกที่จะทำให้ทุกอย่างเดินต่อไปได้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องออกจากตำแหน่งไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม ไม่ว่าจะลาออกหรือยุบสภา เพราะสูญเสียความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว หากยังอยู่ในตำแหน่งจะยิ่งเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ และอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เพจเฟซบุ๊ก "คณะก้าวหน้า" ได้มีการสรุปข้อเรียกร้องของ นายปิยบุตร ในช่วงการแถลงข่าว เรื่อง “ข้อเสนอต่อสังคมไทย กรณีประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมกรณีขบวนเสด็จ” ประกอบด้วย
1. ต้องยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเแรงในเขตกรุงเทพมหานคร และยุติการดำเนินคดีผู้ชุมุมทั้งหมดทันที
2.ประกันสิทธิในกระบวนการยุติธรรมให้ผู้ถูกจับกุม ทุกคนต้องรู้ว่าจะโดนข้อหาอะไร ถูกจับกุมที่ไหน ต้องรู้และมีสิทธิในการมีทนายความเข้าเยี่ยม
3. พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ควรเสียสละเพื่อประเทศไทยลาออกจากตำแหน่ง
4. เรียกร้องไปยังศาลหรือองค์กรตุลาการ เมื่อใดที่รัฐบาลลุแก่อำนาจมากขึ้น
5. ต้องมีความพยายามช่วยกันในการเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการอภิปราย ถกเถียง พูดคุยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา .... เปิดพื้นที่ให้นักเรียนเยาวชนแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา มีวุฒิภาวะ ว่าจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร
แน่นอนว่าหลายมุมมองของนายปิยบุตร สำหรับกรณีผู้เห็นด้วยมีการนำไปแพร่กระจายต่อ ๆ กัน แต่ก็มีจำนวนมากเช่นกันที่เห็นว่า มีแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อเป้าหมายทางการเมือง ไม่ต่างจากข้อความโพสต์ก่อนหน้านี้ เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในฝรั่งเศส โดยการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์
เฉกเช่นความเห็นของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ให้ความเห็นว่า #ปิยบุตรหลอกคนอื่นทำผิดไม่เคยติดคุกเอง นายปิยบุตรเก่งแต่ปลุกระดมอยู่เบื้องหลัง คอยยัดเยียดความคิดให้ผู้อื่นกระทำความผิดทางกฎหมาย และเมื่อมีคนติดคุก นายปิยบุตรก็จะซ้ำเติม นำมาโหนเป็นเครื่องมือปลุกระดมทางการเมืองอย่างเห็นแก่ตัวต่ออีกที
พฤติกรรมเลวๆแบบนี้ นายปิยบุตรประพฤติมาตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งมีบรรดาลูกศิษย์ของเขาบางคนต้องมาติดคุกและรับโทษทางกฎหมาย เพราะการชี้นำทางความคิดที่นายปิยบุตรคอยยัดเยียดให้ แต่ตัวเขากลับไม่ยอมกระทำเอง หรือออกมานำนักศึกษาด้วยความรับผิดชอบ ในฐานะของครูบาอาจารย์ผู้ชี้นำทางความคิด หรือแม้แต่กระทั่งการตักเตือนห้ามปรามไม่ให้ตัวของนักศึกษาเดือดร้อนก็ยังไม่มี มีแต่การยุยงส่งเสริมด้วยความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขา คอยยัดเยียดอุดมการณ์ของเขาให้กลายไปเป็นปัญหาและภาระความเดือดร้อนของนักศึกษาที่รับชุดความคิดไปจากเขา
นายปิยบุตรยังพอที่จะมีความละอายหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า? ทำไมนายปิยบุตรถึงกล้ากล่าวว่าพฤติกรรมและความเดือดร้อนของนักศึกษาเป็น "การนำบทเรียนที่เขาเรียนกันอยู่มาใช้ในชีวิตจริง" แต่ทำไมนายปิยบุตรไม่เคยทำเองบ้าง? ทำไมนายปิยบุตรไม่ลองสาธิตสิ่งที่ตัวเองสอนในชีวิตจริงบ้าง และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในขณะที่คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเสียหาย นายปิยบุตรกลับมีความชำนาญในการเอาตัวรอดเสมอ แล้วก็ยังอยู่อย่างสุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้
คนคิดไม่ทำ คนทำไม่คิดสู้เพื่อคนอื่น หรือหลอกคนอื่นมาสู้เพื่อตัวเองกันแน่?#ปิยบุตรนักมุดกระโปรงและกางเกงของผู้อื่นในตำนาน
Lazada ยกขบวน ระเบิดราคา ลดกระหน่ำกว่าหนึ่งแสน รายการ สูงสุด 90%