- 31 ส.ค. 2564
หมอเบิร์ท ยืนยัน อดีตผู้กำกับโจ้ ใช้ข้ออ้างเป็นไบโพลาร์ ขอลดโทษไม่ได้ ชี้แพทย์เช็คได้ป่วยจริงหรือหลอก
ติดตามกันอย่างต่อเนื่องสำหรับคดีของ อดีตผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาแถลงข่าวเรื่องการเสียชีวิตของนายมาวิน ผู้ต้องหาที่ทาง "อดีตผู้กำกับโจ้" และตำรวจลูกน้องอีก 6 นายได้ก่อเหตุทำร้ายจนผู้ต้องหาถึงแก่ชีวิต ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ทาง อดีตผู้กำกับโจ้ ได้ออกมาบอกว่าเป็นการพลั้งมือ
ต่อมา ทางคณะกรรมการฯ จะไปแจ้งข้อกล่าวให้กับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย อีกครั้ง ซึ่งเป็นสิทธิ์ผู้ต้องหาที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ได้ หากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหามีความผิดจริงก็จะดำเนินคดีวินัยร้ายแรงโดยจะไล่ออกจากราชการทันที ขณะที่ ตำรวจภูธรภาค 6 ได้ให้ข้อมูลว่า อดีตผู้กำกับโจ้ เคยมีประวัติ รักษาโรคไบโพลาร์ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาสักระยะ ซึ่งทาง อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะนำประเด็นนี้มาต่อสู้ในชั้นศาล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ หรือ หมอเบิร์ท ในฐานะจิตแพทย์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้า อดีตผู้กำกับโจ้ เป็นไบโพลาร์ จริง มันเป็นโรคที่รักษาหายได้ เพียงแค่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้อาการจะหายเป็นปกติแล้วก็ตาม แต่ยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
หมอเบิร์ท อธิบายต่อไปว่า หากผู้ป่วยก่อเหตุและมีคดีติดตัว ต้องไปดูว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในภาวะหรือระยะใดของโรค ซึ่งตรงนี้จะสำคัญมาก ถ้าทำพฤติกรรมใดๆ ในช่วงที่โรคกำเริบก็อาจจะนำมาประกอบคดีได้ แต่ถ้าเป็นช่วงที่โรคสงบ ผู้ป่วยจะมีความคิด มีเหตุผลไม่ต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ทางการแพทย์มีวิธการประเมิน ซึ่งสามารถประเมินตัวผู้ป่วยได้
จิตแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ชี้แจงต่อไปว่า ส่วนการก่อเหตุ หรือกระทำการรุนแรงอะไรลงไปแล้วมาอ้างว่าเกิดจากอาการไบโพลาร์นั้น ใช้อ้างอิงเพื่อขอลดโทษไม่ได้ เพราะถ้าผู้ป่วยกระทำผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งทางแพทย์มีวิธีประเมินอยู่แล้วว่า ตอนก่อเหตุอาการผู้ป่วยกำเริบหรือไม่ หรือ สามารถตรวจสอบได้ว่า ป่วยไบโพลาร์ จริงหรือไม่
อย่างไรก็ตามสำหรับกฎหมายในประเทศไทยนั้น ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า หากผู้กระทำความผิดร้ายแรงมีอาการทางจิตประสาท จะต้องได้รับการรักษาและนำตัวกลับมารับโทษทันตามกฎหมายและคดีที่ตนเองก่อ