- 31 ส.ค. 2564
ทนายความอดีตผู้กำกับโจ้ เตรียมงัดหลักฐานเด็ดสู้คดี เชื่อเจตนานายตำรวจฉาว ไม่ใช่รีดเงินแน่นอน
เรียกได้ว่ายังเป็นที่สนใจตลอดระยะเวลานี้ กับกรณีของ อดีตผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ภายหลังจากที่ติดต่อขอมอบตัว กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ที่หน้า สภ.แสนสุข ชลบุรี ซึ่งเบื้องต้น "อดีตผู้กำกับโจ้" ได้ให้การว่าพลั้งมือ ก่อนที่ ตำรวจภูธรภาค 6 จะออกมาเปิดเผยว่า ผู้กำกับโจ้เคยป่วยไบโพลาร์ ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะนำประเด็นนี้มาต่อสู้ในชั้นศาล
กระทั่งต่อมา แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ หรือ หมอเบิร์ท ในฐานะจิตแพทย์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ออกมายืนยันว่า อาการไบโพลาร์ ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น นำมาใช้ขอลดโทษไม่ได้ ซึ่งทางด้านการแพทย์สามารถประเมินอาการได้ว่า ผู้ก่อเหตุป่วยอยู่ในระยะไหน อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบได้อีกว่า อดีตผู้กำกับโจ้เป็นไบโพลาร์ จริงหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ ผกก.โจ้ ตอนนี้ในส่วนของคดีนั้นอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่จะนำมาต่อสู้คดี อาทิ โทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต เนื่องจากในนั้นมีภาพถ่ายของกลางจำนวนที่ผู้เสียชีวิตมีครอบครอง ที่เป็นเหตุทำให้ ผู้กำกับโจ้ ต้องมาเค้นสอบกับผู้ต้องหาคนดังกล่าว เพื่อหาความและต้องนำไปประกอบกับคดีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปกติ ผู้ต้องหาจะเสนอผลประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว
ทนายโชคชัย อธิบายต่อไปว่า ความจริงแล้วไม่ใช่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่จะข่มขู่ หรือ รีดทรัพย์จากผู้ต้องหาในลักษณะเช่นนี้ เพราะความจริงแล้ว ผู้ต้องหานั่นแหละ จะเป็นฝ่ายเสนอเพื่อแลกกับการปล่อยตัวอยู่แล้ว
ส่วนที่มีข่าวออกมาว่า ผู้กำกับโจ้เป็นไบโพลาร์ มีอารมณ์และพฤติกรรมเป็นบุคคล 2 บุคลิกนั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งทางทนายส่วนตัวผู้กำกับโจ้ต้องไปสอบถามเจ้าตัวก่อนว่า ป่วยจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีประวัติการรักษาและการกินยาจริง นั่นหมายความว่า ตอนที่ก่อเหตุในการตัดสินใจ ณ เวลานั้นของ อดีตผู้กำกับโจ้ อาจจะอยู่ในช่วงความบกพร่องของร่างกายจากโรคที่เป็นอยู่ก็ได้
"ถ้าคนมีความบกพร่องเกี่ยวกับเรื่องนี้จะสามารถนำเข้าสำนวนได้ เพราะมันเกี่ยวกับความคิดและการตัดสินใจ หากดูจากคลิปก็จะรู้ได้ว่าทำไปเพื่ออะไร คำว่าของอยู่ไหน ของคืออะไร สิ่งนี้ผมเป็นทนายความก็สามารถเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ส่วนที่คนไปตีความว่านี่คือการรีดทรัพย์นั้น ผมว่าหากรีดทรัพย์ไม่จำเป็นต้องทำถึงแบบนี้หรอก" ทนายความอดีตผู้กำกับโจ้ อธิบาย