- 03 มี.ค. 2562
น้าป้อม เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยนั่งเฝ้าศพยันเช้า เปิดใจ หลังถูกคำสั่งเด้งฟ้าผ่า
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. เพจเฟซบุ๊ก Nakarin Juanchaiyaphum ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ที่มีกู้ภัยคนหนึ่งนั่งเฝ้าศพอยู่ริมน้ำ โดยระบุว่า ท้องฟ้า เริ่มส่องแสง ไร้วี่แววเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่างผู้เสียชีวิต นอนรออย่าง ไร้จุดหมาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนั่งเฝ้า เป็นเพื่อน จนรุ่งเช้า #แจ้งสำนักข่าวไทยช่วยที เกิดเหตุ ตั้งแต่ 00.30 จน ตอนนี้ 06.18 ยังไม่มี จนท.ตร มายืนยัน #เขตความรับผิดชอบเลย #ขอคนล่ะหนึ่งแชร์เป็นกำลังใจให้พี่ๆกู้ภัยทุกท่าน
อ่านข่าวก่อนหน้า : มูลนิธิร่วมกตัญญู สั่งเด้ง "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพยันเช้า เซ่นไม่ยอมแก้ข่าว
อ่านข่าวก่อนหน้า : รุ่นน้องอาสาฯ ออกฉะหลัง "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพ ถูกสั่งเด้งฟ้าผ่า ลั่นคนดีๆกลับต้องมารับกรรมแทน
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีชายกระโดดจากกลางสะพานพระราม 7 ลงแม่น้ำเจ้าพระยาจมหายไป จึงมีการระดมนักประดาน้ำช่วยกันค้นหาศพ กระทั่งพบเจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงได้นำศพขึ้นจากน้ำมาไว้บนท่าเรือพระราม 7 ฝั่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย จากนั้นจึงได้มีการประสานกับทางตำรวจ แต่ไม่มีร้อยเวรมาตรวจสอบดู จึงต้องนั่งเฝ้าศพดังกล่าว
กระทั่ง พ.ต.อ. แดนไทย กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ สภ.บางกรวย ที่เข้าไปตรวจสอบตอนแรก พบว่าทางนครบาลได้รับเรื่องไป แต่ตอนเช้ากลับแย้งมาว่าจุดเกิดเหตุเป็นเขต สภ.บางกรวย ทางตนจึงต้องรีบสั่งการให้ร้อยเวรออกไปสอบปากคำพยาน ชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการเกี่ยงรับคดีดังที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อเวลา 19.43 น. วันที่ 2 มี.ค. 62 ทางเพจเฟซบุ๊ก "รถตระเวนข่าว V.2" ได้รายงานว่า มูลนิธิร่วมกตัญญู มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน นายนพดล สีทองคำ หรือ นคร71 อาสากู้ภัยประจำจุด จ.นนทบุรี ผู้เคยเป็นข่าวนั่งเฝ้าศพผู้เสียชีวิตกระโดดสะพานพระราม 7 ลงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่ง นายนพดล นั่งอยู่เป็นเพื่อนศพเพื่อรอเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ ตี3 ยัน7 โมงเช้า เนื่องจากต้องรอให้ตำรวจสรุปท้องที่รับผิดชอบให้ชัดเจนว่า 4 โรงพักในจุดเกิดเหตุ สน.หรือ สภ.ใดมีอำนาจสอบสวน
กระทั่ง มูลนิธิฯ ได้มีหนังสือออกคำสั่ง ให้อาสากู้ภัยรายนี้ยุติหน้าที่ภาคสนาม ให้มาปฏิบัติหน้าที่ส่วนกลางชั่วคราว เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อต้องการตรวจสอบว่า แท้จริงแล้วเหตุการณ์นี้เกิดจากการประสานงานที่ผิดพลาดระหว่างอาสากับเจ้าหน้าที่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีการส่งกำลังใจให้อาสาสมัครรายนี้จำนวนมาก เพราะส่วนใหญ่มองว่า อาสากู้ภัย ทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชม พร้อมเสนอแนะว่า หากอาสากู้ภัยรายนี้ถูกตั้งกรรมการสอบสวน ควรจะต้องตรวจสอบการทำงานของตำรวจด้วยเช่นกัน ว่า ทำไมถึงสรุปท้องที่เกิดเหตุโดยใช้เวลานานหลายชั่วโมง
ล่าสุดน้าป้อมได้เปิดใจกับหน้าที่การทำงาน ซึ่งเห็นแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ โดยน้าป้อมกล่าวว่า....'น้าเป็นอาสามาทำงานด้วยใจ หน้าที่ไหนที่เขาให้เราทำเราก้อทำได้ หากเป็นงานช่วยสังคม' น้าป้อม เจ้าของรหัส นคร71 มูลนิธิร่วมกตัญญู บอกผมในระหว่างที่กำลังสาละวน จัดธูปเทียนลงตะกร้า เพื่อเตรียมให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา ที่เตรียมมาทำบุญไหว้ศาลฯในมูลนิธิ เสริมศิริมงคลในชีวิต น้าป้อม ที่ผมรู้จัก เป็นอาสากู้ภัยชั้นครู ผ่านการช่วยชีวิตคนมากมาย แกไม่ใช่แค่คนจิตอาสา มาวิ่งรถติดไซเรนไปดูเหตุต่างๆ แต่แกยังเป็นผู้มีความสามารถด้านกู้ภัยที่ผ่านการอบรมมาอย่างถูกต้อง
'ตอนนี้รอผลตั้งกรรมการสอบสวน หลักๆก็เป็นเรื่องให้ข้อมูลนักข่าววันเกิดคดกระโดดสะพาน แต่เรายืนยันนะว่าเราไม่ได้โจมตีใคร'ผมเชื่อน้าป้อมจากใจ เพราะหากใครอยู่วงการกู้ภัยจะรู้ดีว่า ชายร่างท้วม ผิวดำแดง คนนี้ เป็นจิตอาสาใจดี เวลาทำงานหมกมุ่นอยู่แต่การฟังเหตุ ได้ยินเสียงวิทยุจะรีบบึ่งไปช่วยคนแบบลืมตาย ทุกคำพูดของน้าไร้คำประดิษประดอย จนเด็กชอบแอบล้อว่า น้าป้อมคนซื่อ ด้วยซ้ำ 'ตอนนี้ผู้ใหญ่ให้น้าทำงานอื่นไปพลางๆ มาช่วยงานที่ศาลเจ้า อำนวยความสะดวกให้คนมาทำบุญ เก็บธูปเทียนไปตามเรื่อง เจอคนเยอะดีนะ ทั้งคนไทย คนจีน'
น้าป้อม บอกผมด้วยรอยยิ้ม แม้แววตาของแกอาจเศร้าไปบ้าง จากคนทำงานสายบู๊ แต่จ้องมาทำงานบริการ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพสะท้อนออกมาคล้ายแกถูกภาคทัณฑ์ความผิด จนถูกลดบทบาท แม้แกจะไม่ได้เปิดเผยอะไรก็ตาม 'จริงๆน้าเคยนั่งอยู่กับศพทั้งคืนมาบ่อยนะ เพราะน้าเข้าใจว่า จนท. มีส่วนงานรับผิดชอบเยอะ น้าทำงานคู่กันไปมาตลอดน้าเข้าใจ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นข่าว' ตลอดหลายวันที่น้าป้อม ต้องรอผลจากคณะกรรมการมูลนิธิร่วมกตัญญู น้าป้อมก็ยังคงทำหน้าที่ในบทบาทใหม่ไปเรื่อยๆ ภายใต้การตั้งคำถามว่า ปมการสั่งย้ายน้าป้อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ แต่เชื่อว่า มูลนิธิคงมีสาเหตุเพียงพอ
สิ่งที่น้าป้อม เป็นห่วงแกยังบอกอีกว่า'อาสารุ่นใหม่มีหลายคน เวลาน้องๆไปทำงาน หากเราไม่อยู่ก็เป็นห่วง ห่วงทั้งน้องๆ และ ห่วงทั้งผู้ประสบเหตุ มันต้องมีผู้ใหญ่คอยประเมินสถานการณ์และช่วยคิด' 'แต่ไม่ว่าผลสอบสวนจะเป็นยังไง น้าก้อยังทำงานช่วยสังคมต่อไปล่ะ เพราะน้าก้อไม่ถนัดงานอื่น (หัวเราะ)'
ข้อมูล : รถตระเวนข่าว V.2
ขอบคุณภาพ : อาสาพระนคร / Nakarin Juanchaiyaphum