คาใจ!! สมาชิกสหกรณ์ฯคลองจั่นบุกดีเอสไอ จี้จับ"ธัมมชโย"-เร่งอสส.สั่งคดี หลังสั่งเลื่อนหลายครั้ง หวั่นซ้ำรอยเดิม เสนอใช้ม.44 ช่วยผู้เสียหาย

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 16 พ.ย.)   ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  เมื่อเวลา 09.00 น. นายธรรมนูญ อัตโชติ  ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ก้าวหน้า พร้อมด้วยสมาชิกสหกรณ์ฯ กว่า 40 คน ได้เดินทางมายังดีเอสไอ เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯคลองจั่น , การสั่งคดียักยอกเงินและคดีฉ้อโกงประชาชน ที่อัยการเลื่อนสั่งคดีถึง 5 ครั้ง โดยมี พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่องและชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีทั้งหมด
         

นายธรรมนูญ กล่าวว่า ที่เรามาก็เพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และเป็นคดีที่อัยการได้เลื่อนการสั่งคดีไปแล้ว 5 ครั้ง
         

ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า  ยืนยันว่าที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานที่ประเด็นหลักสำคัญ และสรุปสำนวนคดีดังกล่าวส่งให้อัยการครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งได้สอบสวนเพิ่มเติมตามความเห็นของอัยการไปทั้งหมดแล้ว และหลังจากอัยการได้เลื่อนการสั่งคดีมาหลายครั้งดีเอสไอก็ได้ประสานไปยังอัยการอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด พร้อมทั้งตรวจดูข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในการสอบสวนทั้งหมดแล้ว
         

" ขณะนี้อัยการยังไม่มีการสั่งให้สอบเพิ่มเติมแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าในวันที่ 30 พ.ย.นี้ อัยการน่าจะมีดุลยพินิจในการสั่งคดี เพราะอำนาจในการสั่งคดีเป็นของอัยการ สำหรับคดีสหกรณ์ฯคลองจั่นทั้งหมดนั้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่าเร่งดำเนินการสอบสวน เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย"  พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว
         

พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายผู้ต้องหาเดินทางยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานอัยการสูงสุดนั้น ในส่วนนี้คณะพนักงานสอบสวนได้หารือร่วมกันแล้ว โดยมองว่ากระบวนการที่เขาไปยื่นนั้น ฝ่ายผู้ต้องหายังไม่ได้เข้ามาสู่กระบวนการที่รับแจ้งเป็นผู้ต้องหาเลย แต่กลับไปใช้สิทธิร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) , รมว.ยุติธรรม และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงการฟ้องร้องมาที่ดีเอสไอด้วยนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้เข้าไปชี้แจงหมดแล้ว แต่ฝ่ายผู้ต้องหากลับไม่ใช้สิทธิเข้ามาต่อสู้คดี ซึ่งเขาจะมีสิทธิในการชี้แจงตามขั้นตอน จึงขอให้ผู้ต้องหามาเข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย แล้วค่อยเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมทั้งขอให้เห็นใจผู้เสียหายด้วย
         

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ และพ.ต.ต.วรณัน ได้ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีให้ผู้เสียหายรับทราบนั้น  ผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวได้แสดงอาการไม่พอใจที่ดีเอสไอยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม โดยเฉพาะพระธัมมชโย ที่ยังไม่สามารถนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ อีกทั้ง ผู้เสียหายยังได้สอบถามถึงศักยภาพการทำงานของดีเอสไอที่ไม่สามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับได้ และแสดงความคิดเห็นด้วยว่าคดีสหกรณ์ฯคลองจั่น มีมูลค่าและผู้เสียหายจำนวนมากพอกับโครงการจำนำข้าว ซึ่งโครงการจำนำข้าวได้มีการใช้มาตรา 44 (ม.44) ดำเนินการ

ผู้เสียหายเห็นว่าคดีสหกรณ์ฯคลองจั่น  ซึ่งมีการสอบสวนมานานหลายปีและยังไม่ได้ข้อสรุป  จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ในการแก้ปัญหาให้กับผู้เสียหายด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนวัยเกษียณกันหมดแล้ว และยังมีประเด็นที่น่ากังวล คือ การพบว่ามีเงินกว่า 40 ล้านบาท ไปปรากฏในบัญชีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ยิ่งส่งผลกระทบกับภาพการทำงานของดีเอสไอ
         

ทั้งนี้  พ.ต.ต.วรณัน ได้ชี้แจงว่า หลังจากที่ดีเอสไอได้ดำเนินการขออนุญาตออกหมายจับพระธัมมชโย หรือผู้ต้องหาคนอื่นที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น ก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามหมายจับ แต่การจับกุมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในด้านอื่นๆด้วย หากถามว่าดีเอสไอได้ละทิ้งหน้าที่ตรงนี้ไปหรือไม่  ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้ง ฝ่ายสืบสวนก็ยังดำเนินการอยู่ แต่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมาพูดกันในที่สาธารณะ
         

" หมายจับมีอายุความ 15 ปี  ยืนยันว่าเราไม่ได้ปล่อย  เราก็ทำตามหน้าที่  ผมเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน แต่ขอให้ทุกคนรอฟังการสั่งคดีของอัยการก่อน  ส่วนกรณีที่มีการหวั่นเกรงว่าพระธัมมชโยจะเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศนั้น  ดีเอสไอได้ส่งหมายจับไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) แล้ว จึงเชื่อว่าจะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้" พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
         

ต่อมา  เมื่อ เวลา 10.00 น.  ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ถ.แจ้งวัฒนะ กลุ่มผู้เสียหายได้เข้ายื่นหนังสือถึง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อสอบถามปัญหาและขอให้เร่งรัด การพิจารณาสั่งคดี ฟอกเงิน และรับของโจร ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น และพระธัมมชโย กับพวกรวม 5 คน เป็นผู้ต้องหา พร้อมแนบรายชื่อสมาชิกกว่า 100 คนโดยมีนายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 เป็นผู้รับมอบหนังสือ

นายธรรมนูญ กล่าวว่า ผู้เสียหายทราบว่าก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ต้องหาได้ส่งทนายความยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและให้สอบพยานเพิ่มเติมอีกหลายปาก อีกทั้งอัยการ เคยเลื่อนการสั่งคดีอยู่หลายครั้ง จึงเกิดความกังวล เพราะในอดีตอัยการเคยมีคำสั่งถอนฟ้องคดี พระธัมมชโย ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ ทั้งที่เคยฟ้องคดีต่อศาลไปแล้ว ทำให้เกรงว่าผู้เสียหายตัวจริงอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องขอให้ อสส.เร่งรัดการสั่งคดี
         

นายพันธุ์โชติ  กล่าวว่า จะนำเรื่องไปตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวอย่างไร ก่อนส่งให้ อสส.พิจารณาต่อไป ส่วนเรื่องข้อเท็จจริงความคืบหน้าผู้เสียหายสามารถติดต่อสอบถามกับทางโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  หรืออัยการเจ้าของสำนวนได้  เพราะอัยการเจ้าของสำนวนจะมีเหตุผลในการเลื่อนการสั่งคดี
         

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า  กลุ่มผู้เสียหายที่เดินทางมาวันนี้  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุในวัยเกษียณ  พร้อมกันนี้ได้มีการชูป้ายข้อความ เช่น "พวกเรา สมช.สหกรณ์คลองจั่น ผู้เสียหายตัวจริง เสียงจริง ต้องการมาแสดงตัวเพื่อสืบความจริงคดีถูกยักยอก ฉ้อโกงเงินจนหมดตัว"  ซึ่งสมาชิกสหกรณ์ฯได้ตั้งข้อสงสัยและสอบถามผู้แทนอัยการถึงเหตุที่ยังไม่สั่งฟ้องผู้ต้องหา ทั้งที่ดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนและผลสอบเพิ่มมาให้อัยการหมดแล้ว
         

นอกจากนี้  กลุ่มผู้เสียหายได้มีการหารือกันว่าอาจจะมีการนัดกลุ่มเพื่อไปยื่นหนังสือก่อนวันนัดสั่งคดีในวันที่ 30 พ.ย.นี้ พร้อมทั้งหารือกันถึงแนวทางที่ต้องการจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี  เพื่อต้องการให้ทราบข้อเท็จจริง  และความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ฯ ดังกล่าวด้วย