- 24 ส.ค. 2561
ข่าวลือเจอข่าวจริง?? สะพัดนักข่าวรุ่นเก๋าโดนอายัดเงิน200ล้าน โป๊ะแตกเลยอดีตบอสเนชั่นฯก็เคยพูดถึงแผนถลุง200ล.ก่อนผู้บริหารใหม่เข้ากู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
ร้อนฉ่าสุดๆเวลานี้กับพาดหัวแซ่บส์ของ "พระยาเผือก" Manager Online จั่วแรงให้วงการสื่อถามหากันควั่กเขาหรือเธอเป็นใคร ?? "ลือทั่ววงการสื่อ นักข่าวรุ่นเก๋าพร้อมพวกถูกอายัดบัญชีร่วม 200 ล้าน หลังพบความผิดปกติถลุงเงินซื้อซีรีส์-สารคดี"
พาดหัวเลี่ยงเยี่ยงนี้ไม่พ้นกบาลใครสักคนเหมือนโดนฟาดอย่างแรงแน่ๆ ยิ่งไล่ไปดูเนื้อหาบอกด้วยว่า...เป็นอดีตนักข่าวรุ่นเก๋า กับอดีตผู้บริหารทีวีดิจิทัลด้วยแล้ว ยิ่งจิ๊ดจ๊าดหนักเป็นหลายเท่า เพราะไส้ในของเนื้อหาระบุด้วยว่า "ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติ เกี่ยวกับตัวเลขของเงินที่ใช้ไปในการซื้อขายซีรีส์ รวมไปถึงสารคดีจากต่างประเทศที่ลงนามโดยนักข่าวรุ่นใหญ่ชื่อดังเพื่อนำมาออกอากาศในช่องทีวี ระหว่างที่เจ้าตัวรวมถึงเพื่อนสนิทและพรรคพวกทำหน้าที่บริหารทีวีดิจิทัลช่องดังกล่าวนั่นเอง
ประการสำคัญไม่เพียงแต่ความผิดปกติของเรื่องเงินที่ว่ากระทั่งนำมาซึ่งการอายัดเงินดังกล่าวเท่านั้น หากแต่ยังมีรายงานด้วยว่าหลังจากที่ถอนยวงออกมา สิ่งที่นักข่าวรุ่นเก๋ากับทีมผู้บริหารได้ทิ้งผลงานไว้ให้กับกลุ่มทุนกลุ่มใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อก็คือเงินขาดทุนที่สูงถึง 2 พันล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะที่เมื่อย้อนข้อมูลกลับไปเมื่่อวันที่ 8 ก.พ. 2559 สื่อในเครือเนชั่นฯ ได้นำเสนอข่าวใหญ่ในการเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจ โดยทางด้าน นางสาวดวงกมล โชตะนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เปิดเผย แผนธุรกิจดิจิทัลทีวีเครือเนชั่น โดยระบุว่าปี 2559 จะเป็นปีแห่งการลงทุนด้านคอนเทนท์ของทีวีทั้งสองช่อง คือ สถานีข่าวเนชั่นทีวี และ ช่องวาไรตี้ NOW26 หลังจากที่ยอดผู้ชมเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และเม็ดเงินโฆษณาเริ่มไหลเข้ามายังดิจิทัลทีวีเพิ่มขึ้น
รายละเอียดของข่าวชิ้่นนั้น เน้นย้ำว่าในปี 2559 เนชั่นกรุ๊ป เตรียมเม็ดเงินลงทุนด้านคอนเทนท์สำหรับทีวีทั้งสองช่องไว้ราว 200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาการนำเสนอข่าว และผลิตรายการคุณภาพ ซึ่งนอกจากจะคัดสรรคอนเทนท์คุณภาพระดับโลก มาให้คนไทยได้มีโอกาสรับชมของดีที่สุด ทั้งสารคดี และซีรีส์การันตีด้วยรางวัลระดับโลกแล้ว เครือเนชั่น มีแผนลงทุนผลิตสารคดี ทั้งผลิตเองโดย NOW Studio และ สนับสนุนผู้ผลิตสารคดีในประเทศให้เติบโตไปพร้อมกับช่อง
“NOW26ปรับโจทย์การวางคอนเทนท์ โดยวางตัวเองเป็นช่องสาระ ทั้งข่าว และสารคดีที่มีคุณภาพ เราเชื่อว่าคนไทยต้องการทางเลือกใหม่ในการรับชมทีวี NOW 26 จึงมุ่งเน้นรายการคุณภาพที่หลากหลาย และสร้างความต่างด้วยการนำเสนอเป็นที่สุด ในทุกรายการ เพื่อให้ผู้ชมสัมผัสภาพ และอารมณ์สมจริง และก้าวสู่ความเป็นที่หนึ่งของช่องสารคดี ทั้งสารคดีจากต่างประเทศ และสารคดีในประเทศ”
นอกจากนี้ เครือเนชั่น ยังมีแผนสนับสนุนผู้ผลิตสารคดีในประเทศ ซึ่งมีฝีมือทัดเทียมกับสตูดิโอสารคดีระดับโลก โดยตั้งงบประมาณไว้ 60 ล้านบาท
ย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับข้อมูลในปี 2560 หลังจากที่ผู้บริหารเครือเนชั่นฯ ประกาศเตรียมเม็ดเงิน 200 ล้านลงทุนพัฒนาคุณภาพรายการ เมื่อ นายเทพชัย แซ่หย่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG (ในขณะนั้น) แจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 1,616.04 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.397 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 280.98 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.069 บาท
ขณะที่งวด 9 เดือน ขาดทุนสุทธิรวม 2,135.17 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.525 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 622.76 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.153 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 1,512.41 ล้านบาท คิดเป็น 242.86%
ภายใต้ความสั่นคลอนทางธุรกิจเครือเนชั่นฯ เกิดความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่ โดยสื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่าง "ฐานเศรษฐกิจ" นำเสนอรายงานพิเศษชิ้นหนึ่ง สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่พูดถึงถึงเรื่องเรทติ้งที่ก้าวกระโดด ภายใต้การบริหารจัดการของ 2 ขุนพล “เนชั่นทีวี ช่อง 22” อย่าง “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ประธานกรรมกา รและ “ฉัตรชัย ภู่โคกหวาย” กรรมการผู้จัดการ NBC
โดย “สนธิญาณ” ย้อนข้อเท็จจริงว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม เรตติ้งของเนชั่นทีวีอยู่ที่ 0.098 กุมภาพันธ์ 0.116 มีนาคม 0.113 อาการแบบนี้หนักแน่ เมื่อเปรียบเทียบกับทีวีดิจิตอลที่อยู่ใน 10 อันดับแรก แต่เป้าหมายคือ การมาเพื่อ “ทำงาน” ให้เนชั่นทีวีดีขึ้น มี “เรตติ้ง” เพิ่มขึ้น มี “รายได้” สูงขึ้น และสำคัญคือต้องคุ้มทุนในปีนี้ ผลของการเร่งปรับกระบวนยุทธ์ ปรับฐานการทำงาน ปรับผังรายการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เกิดผลลัพธ์ใหม่ขึ้นทันที
โดยเรตติ้งในเดือนเมษายนที่มี 0.108 เพิ่มขึ้นเป็น 0.148 ในเดือนพฤษภาคม 0.234 ในเดือนมิถุนายน และตั้งแต่วันที่ 1- 11 กรกฎาคมมีเรตติ้ง 0.439 ขณะที่รายได้ช่วงต้นปีที่เฉลี่ยเดือนละ 20-21 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 35-36 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายนจบได้ที่ 38 ล้านบาทเลยทีเดียว
ภารกิจแรกที่เนชั่นทีวีสำเร็จหรือยัง
ขณะที่ “ฉัตรชัย” บอกว่า 4 เดือนแรกถือเป็นเฟสแรกของการทำงาน ผลงานที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จของทุกฝ่าย แต่ทิศทางของเนชั่นทีวีจากนี้ไปคือ การมุ่งนำเสนอรูปแบบที่แตกต่าง เมื่อมีแบรนด์ที่แข็งแรง + คนมืออาชีพ + มัลติ แพลตฟอร์ม+ รูปแบบการนำเสนอที่ครอบคลุมและลงลึกในรายละเอียดเชื่อว่าจะช่วยสร้างให้เรตติ้งดีขึ้น 100-150% ยอดขายดีขึ้น และเป้าหมายคือ 50 ล้านบาทต่อเดือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ทำให้อันดับของเนชั่นทีวีก้าวขึ้นมาอยู่ในแรงกิ้งที่ดีขึ้น จากเดิมที่เคยอยู่ในอันดับ 15 ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ล่าสุดกรกฎาคม เนชั่น ทีวีอยู่อันดับ 12 ถือว่ายากมาก แต่พวกเราก็ทำได้ ชาเลนจ์ต่อไปคือ การรั้งให้อยู่ในอันดับ 11-12 จนถึงสิ้นปีนี้
“สิ่งที่จะเห็นในเดือนกันยายนนี้คือ การนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่าง การบอกเล่าเรื่องราวให้เห็นแบบชัดเจน ถ่ายทอดโดยผู้สื่อข่าวที่รู้จริง พร้อมคอมพิวเตอร์กราฟิกที่จะช่วยสื่อสาร เมื่อพูดถึงพายุ ฝนต้องมี ลมต้องมา แต่แม้คอมพิวเตอร์กราฟิกจะช่วยดึงผู้ชมได้ แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องของ ประเด็นข่าว”
ก้าวต่อไปคือการทรานส์ฟอร์ม ธุรกิจเต็มรูปแบบโดยเฉพาะการสร้างรายได้จาก New Media ซึ่งการออกสตาร์ตในแพลต ฟอร์ มนิวมีเดียช่วงสั้นๆ ทำให้เนชั่นทีวีมีรายได้แล้ว 1 ล้านบาทต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 2-3 ล้านบาทในอีก 2 เดือนข้างหน้า และหากเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เนชั่นทีวีมีรายได้แตะ 50 ล้านบาทขึ้นไปทุกๆ เดือน เชื่อว่าในปี 2562 เนชั่นทีวีจะมีกำไรแน่นอน