จบแล้วคดีเสี่ยเบนซ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น อัยการไม่ฎีกา

ล่าสุด มีรายงานว่า นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม เสี่ยเบนซ์ ได้รับรู้เกี่ยวกับข่าวดังกล่าวแล้ว และตกใจอย่างมากเนื่องจากไม่เป็นความจริง ซึ่งคนใกล้ชิดยืนยันคดีจบแล้ว ยืนตามศาลชั้นต้นเมื่อ 3 เดือนก่อน ชดใช้ 45 ล้าน ข่าวที่ออกมาว่าถูกยื่นอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษไม่จริง พอเสี่ยเบนซ์ทราบก็ตกใจมาก หวั่นกระทบความรู้สึกครอบครัวผู้เสียชีวิต วอนอย่าโยงคดี บอส

สืบเนื่องจากที่มีรายงานว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี มีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ จำเลยในคดีหมายเลขดำ 1839/2562 ของศาลอาญาตลิ่งชัน (ศาลจังหวัดตลิ่งชันเดิม) ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด, ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหาจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ รถเบนซ์อี 250 ของนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ ซึ่งมีอาการเมาสุราขณะขับรถและได้พุ่งชน พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2บก.ป.หรือรองตี๋ และนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยาจนเสียชีวิต รวมถึง ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล หรือ น้องแพรว ลูกสาววัย12 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 12 เม.ย.62

 

จบแล้วคดีเสี่ยเบนซ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น อัยการไม่ฎีกา

อ่านข่าว - ย้อนคดีดังเทียบฉาว บอส กระทิงแดง เสี่ยเบนซ์เมาขับชนครอบครัว พ.ต.ท.จตุพร สูญเสีย 2 ชีวิต ไม่หนีแต่สำนึก รับผิดชอบถึงที่สุด
 

ล่าสุด มีรายงานว่า นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม เสี่ยเบนซ์ ได้รับรู้เกี่ยวกับข่าวดังกล่าวแล้ว และตกใจอย่างมากเนื่องจากไม่เป็นความจริง ซึ่งคนใกล้ชิดยืนยันคดีจบแล้ว ยืนตามศาลชั้นต้นเมื่อ 3 เดือนก่อน ชดใช้ 45 ล้าน ข่าวที่ออกมาว่าถูกยื่นอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษไม่จริง พอเสี่ยเบนซ์ทราบก็ตกใจมาก หวั่นกระทบความรู้สึกครอบครัวผู้เสียชีวิต วอนอย่าโยงคดี บอส

 

 

จบแล้วคดีเสี่ยเบนซ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น อัยการไม่ฎีกา

 

โดยนายรัตนชัย เวโรจน์พิพัฒน์ พี่ชายของ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม เสี่ยเบนซ์ ได้เปิดเผยว่า หลังสิ้นสุดคดีในศาลชั้นต้นแล้ว อัยการได้ยื่นอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษนายสมชายตามกระบวนการ โดยไม่รอลงอาญา เพราะคดีนี้มีโทษจำคุกเกิน 3 ปีต้องอุทธรณ์ ตามขั้นตอน ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้เมตตายืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น โดยอัยการไม่ยื่นฎีกา ทำให้คดีของน้องชายยุติไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

ด้าน นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ หรือ เสื่อรถเบนซ์ อายุ 56 ปีที่เคยเมาขับรถชนตำรวจและภรรยาเสียชีวิต ส่วนลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะออกมายอมรับชดใช้ความเสียหาย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรีมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะอัยการมีการยื่นอุทธรณ์จริงเป็นไปตามตามหน้าที่และศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยืนตามศาลชั้นต้น คือ จำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท และโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญา

โดยระหว่างนี้ตนต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้งใน 2 ปี รวมทั้งบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ 48 ชั่วโมงในเวลา 1 ปี พร้อมทั้งห้ามดื่มสุรา ของมึนเมา โดยตอนที่ไปฟังคำพิพากษานั้น ตนไม่บอกใครเลย นอกจากเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นและไปในช่วงที่มีโควิด 19 ระบาดใหม่ ๆ จากนั้น ก็ไม่ได้ให้ข่าวกับใครเลย เพราะคิดว่าเรื่องนี้มันจะจบแล้ว

ทั้งนี้ตนไม่อยากให้มีการรื้อฟื้นเรื่องนี้มาอีก เพราะว่า ตอนนี้สภาพจิตใจของเด็ก และคนอื่นกำลังดีขึ้น ตนติดต่อกับลูกสาวผู้เสียชีวิตโดยตลอด คุยไลน์และโทรหาพาไปกินข้าว ส่งขนมที่เด็กชอบทานให้เป็นประจำ พอมีข่าวแบบนี้ออกมาเหมือนเป็นการไปรื้อฟื้นเรื่องคดี ทำให้เด็กคิดถึงพ่อแม่ ตนกลัวว่าสภาพจิตใจจะแย่ลง

อย่างไรก็ดีตนไม่เข้าใจว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร น่าจะเป็นกรณีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส จึงขอวอนอย่าให้ทุกคนเอาเรื่องของตนไปโยงกันเลย เพราะว่ามันคนละคดีกัน ส่วนเรื่องคดีของตน ตอนนี้ถือว่าจบสิ้นแล้ว

 

จบแล้วคดีเสี่ยเบนซ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น อัยการไม่ฎีกา


ก่อนหน้านั้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีต่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในทุกข้อกล่าวหา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งของอัยการว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เมื่อนายกฯทราบจากข่าวแล้วด้วยความไม่สบายใจ และเห็นว่าควรต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดความชัดเจนเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 

 

 

"นายกฯรู้สึกเข้าใจดีถึงความรู้สึกของประชาชน พร้อมกับสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ถึงขั้นตอนของอัยการว่าเป็นมาอย่างไร พร้อมทั้งรายงานโดยด่วน และยืนยันนายกฯไม่เคยช่วยเหลือใคร ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม และไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง"

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯย้ำว่าผู้ที่เกี่ยวข้องหลักตามกระบวนการยุติธรรมในกรณีนี้ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี และพนักงานอัยการ โดยเฉพาะอัยการนั้นนายกฯไม่ได้เป็นผู้แต่งตั้งและมีอำนาจพิจารณาคดีได้อย่างอิสระตามขอบเขตของกฎหมาย ดังนั้นนายกฯไม่สั่งการใครในคดีนี้ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง และขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม หากใครทำผิดจะต้องถูกลงโทษทั้งสิ้น พร้อมทั้งเตือนขอให้อย่านำเรื่องนี้ไปบิดเบือนหรือเชื่อมโยงกับปัญหาอื่น ๆ จนเกิดความเข้าใจผิดและสับสน นอกจากนี้ ขณะนี้ สตช. กำลังเตรียมการตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยด่วน เพื่อให้สังคมปราศจากข้อสงสัยได้โดยเร็วที่สุด

 

จบแล้วคดีเสี่ยเบนซ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น อัยการไม่ฎีกา