อดีตกมธ.กฎหมาย สนช. แถลงยันสั่งอสส.ไม่ได้ แถมแจ้งกลับไม่รับฟังคำแย้ง บอส อยู่วิทยา

เห็นทีข่าวค(ร)าวเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ จากเหตุกรณีการสรุปคดี นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา โดยการไม่สั่งฟ้อง ฐานกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 ซึ่งหลายๆ ฝ่ายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด ในขณะที่หลักฐานต่างๆ ก็ชี้ชัดถึงความผิดของ บอส อยู่วิทยา

เห็นทีข่าวค(ร)าวเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ จากเหตุกรณีการสรุปคดี นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา โดยการไม่สั่งฟ้อง ฐานกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 ซึ่งหลายๆ ฝ่ายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด ในขณะที่หลักฐานต่างๆ ก็ชี้ชัดถึงความผิดของ บอส อยู่วิทยา

ล่าสุด นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา อดีตกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ  กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการตรวจสอบ นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา โดยกล่าวว่า ตามที่ได้แถลงข้อเท็จจริงเรื่องของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา เมื่อในวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้มีข้อเท็จจริงปรากฎในสื่อคลาดเคลื่อนไปบางประการ จึงขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเดิมดังต่อไปนี้

 

อดีตกมธ.กฎหมาย สนช. แถลงยันสั่งอสส.ไม่ได้ แถมแจ้งกลับไม่รับฟังคำแย้ง บอส อยู่วิทยา

 

1. ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนตามคำสั่งของรองอัยการสูงสุดที่มีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม ตามคำร้องขอความเป็นธรรมของ นายวรยุทธ ซึ่งกล่าวอ้างว่า พนักงานอัยการมิได้นำประจักษ์พยานที่สอบเพิ่มเติมมาพิจารณาโดยมีคำสั่งให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว นายวรยุทธว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการได้สอบหาและศึกษาโดยชิญประจักษ์พยานที่ได้ให้การไว้แต่เดิมมาประชุมชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ มิได้สอบประจักษ์พยานใหม่เพิ่มเติมจากที่ให้การไว้เดิมแต่อย่างใด

 

 

2. วันที่ 6 ธันวาคม 2559 คณะกรรมาธิการมีมติรวบรวมผลการสอบหาและการศึกบาข้อเท็จจริงส่งให้กับพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

 

3. ต่อมาพนักงานอัยการ ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 แจ้งผลการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับกรณีกรร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม
และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่ชาติ ว่าอัยการสูงสุดได้พิงารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการแล้วมีคำสั่งให้ยุติเรื่องร้องขอความป็นธรรมและอ้างว่าได้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องขอความเป็นธรรมทราบแล้ว

 

อดีตกมธ.กฎหมาย สนช. แถลงยันสั่งอสส.ไม่ได้ แถมแจ้งกลับไม่รับฟังคำแย้ง บอส อยู่วิทยา

 

4. เมื่อได้รับแจ้งผลการพิจารณาของอัยการสูงสุดให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวแล้ว คณะกรรมาธิการฯ ก็มิได้ดำเนินการใดๆต่อไปอีก และนายวรยุทธ ก็มิได้ติดต่อให้คณะกรรมาธิการ
ดำเนินการอีกแต่อย่างใดเพราะเขาก็ทราบผลการพิจารณาแล้ว และผู้ร้องจะดำเนินการหรือร้องให้สอบพยานเพิ่มเติมใด ๆ หลังจากนี้อีก คณะกรรมาธิการมิได้รู้เห็นหรือเข้าไปเกี่ยวข้องอีกแต่ประการใด

 

5. การที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมาริการฯ มิได้มีอิทธิพลที่จะส่งผลให้อัยการสูงสุดเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ซึ่งโดยบทบาทอำนาจหน้าที่ของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ , สภาผู้แทนราษฎร , วุฒิสภา ล้วนทำหน้าที่นิติบัญญัติ มิได้มีอำนาจไปบงการหรือสั่งการฝ่ายบริหาร หรือองค์กรต่างๆ ได้แต่ประการใด มีอำนาจเพียงแค่ศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงแล้วรวบรวม รายงานส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปเท่านั้น

 

6. บัดนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,สำนักอัยการสูงสุด , และ คณะกรรมการ ตามคำสั่งแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อดำเนินการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงขอให้สื่อมวลชนรอผลของคณะกรรมการต่อไป จึงเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้ครบถ้วน

 

อย่างไรก็ตาม ในคราวแถลงข่าวครั้งที่แล้วหากล่วงเกินสื่อมวลชนประการใดไป ต้องขอโทษและขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย

 

 

อดีตกมธ.กฎหมาย สนช. แถลงยันสั่งอสส.ไม่ได้ แถมแจ้งกลับไม่รับฟังคำแย้ง บอส อยู่วิทยา