หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านชำ คิดสั้นลาโลก ทิ้งจดหมาย5หน้าก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต อย่าลืมบอกท่านนายกฯตู่ด้วย

กรณีเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตในร้านขายของชำ บริเวณปากซอยแสนสุข ย่านแพปลา หมู่ 8.ท้องเนียน อ.ขนอม นครศรีธรรมราช


  วันที่  19 ส.ค.63 กรณีเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตในร้านขายของชำ บริเวณปากซอยแสนสุข ย่านแพปลา หมู่ 8.ท้องเนียน อ.ขนอม นครศรีธรรมราช โดยพบเป็นหนุ่มใหญ่ วัย63 เจ้าของบ้านเเละร้านขายของชำ  พร้อมมีการทิ้งจดหมายสั่งลาไว้ 1ฉบับ จำนวน 5หน้า  เเละมีข้อความฝากถึง ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

 สำหรับผู้เสียชีวิตคือ นายประสิทธิ์ แก้มกิ้ม อายุ 63 ปี  ได้ใช้อาวุธปืนลั่นไกเข้าขมับซ้าย ปลิดชีพตัวเอง โดยเป็นอาวุธขนาด .38 จำนวน1 กระบอก กระสุนยิงไป 1 นัด ใกล้กับพบจดหมายสั่งลาเขียนด้วยปากกาสีน้ำเงิน จำนวน 5 หน้า และมีโทรศัพท์มือถือ1 เครื่องวางทับจดหมายฉบับดังกล่าวไว้ 

 

หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านชำ คิดสั้นลาโลก ทิ้งจดหมาย5หน้าก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต อย่าลืมบอกท่านนายกฯตู่ด้วย

โดยใจความหน้าแรกระบุ คุณเสือช่วยจัดงานศพให้ด้วย ๆไว้คืนเดียวพอ ไม่ต้องบอกญาติพี่น้อง สมุดธนาคารอยู่ในลิ้นชักบ้านภูมิ   หน้าที่ 2 ระบุว่า ทองคำ 8 บาทให้เอาไปขายทำศพ ที่ดินทั้งหมดแล้วแต่ลูก กับเมีย บอกนายกประยุทธ์ ด้วยว่า ฝากดูแลครอบครัวด้วย หน้าที่ 3 ระบุว่า ที่ดินติดธนาคารอยู่ 1 แปลง ให้นำกรมธรรม์ประกันภัยไปเวนคืนแล้วไถ่ถอนออกมา ลูกเมียจะไปอยู่ไหนก็ให้ตัดสินใจกันเอง อย่าล้มใช้หนี้แหลวงด้วย 12,000 บาท หน้าที่ 4 ระบุข้อความ นอกนั้นไม่ๆได้ติดใคร

 และอีก 1 แผ่น ไม่ระบุเลขหน้า ระบุข้อความว่า เป็นห่วงลูกทุกคน รักเมียมากที่สุด อย่าลืมฝากบอกนายกประยุทธ์ ด้วยว่า ฝากดูแลครอบครัวด้วย รักพี่สาวและพี่ชายมากที่สุดน้องลาก่อน โดยเฉพาะข้อความที่ฝากถึงนายกประยุทธ์ เขียนระบุไว้ถึง 2 ครั้งคือในหน้าที่ 1 และในหน้าที่ไม่ระบุเลขหน้า 

หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านชำ คิดสั้นลาโลก ทิ้งจดหมาย5หน้าก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต อย่าลืมบอกท่านนายกฯตู่ด้วย

 

 ทั้งนี้ในเบื้องต้นทราบว่านายประสิทธิ์ ผู้เสียชีวิต ได้ป่วยโรคซึมเศร้า มีภรรยาและลูกอีก 2 คน ขณะเกิดเหตุได้อยู่บ้านเพียงคนเดียว เปิดร้านขายของชำ  สันนิษฐานว่าอาจเกิดความเครียดเรื่องส่วนตัวเเละอาการป่วยโรคซึมเศร้า จึงตัดสินใจเขียนจดหมายสั่งลาก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต พร้อมมีใจความฝากถึงนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ให้ช่วยดูแลครอบครัวด้วย

ขอบคุณ
สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช