ศาลอาญาสั่งประหาร ผอ.กอล์ฟ

เมื่อเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้นำตัว นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทอง และยิงผู้อยู่ในเหตุการณ์เสียชีวิต 3 ศพ เดินทางจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาที่ศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน และยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การชิงทรัพย์ และหลบหนี , ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ และความผิดข้อหาอื่น ๆ รวม 9 ข้อหาด้วยกัน ซึ่งระหว่างที่ นายประสิทธิชัย เดินลงจากรถบัสของเรือนจำ เพื่อขึ้นห้องพิจารณา ได้เห็นสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ก็ได้ยกมือไหว้ แต่เราไม่ได้เห็นสีหน้า เพราะสวมหน้ากากอนามัย

เมื่อเช้าที่ผ่านมา ( 27 สิงหาคม 2563 ) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้นำตัว นายประสิทธิชัย  เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี  ซึ่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทอง  และยิงผู้อยู่ในเหตุการณ์เสียชีวิต 3 ศพ   เดินทางจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาที่ศาลอาญา  เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน และยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การชิงทรัพย์ และหลบหนี   , ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ   และความผิดข้อหาอื่น ๆ รวม 9 ข้อหาด้วยกัน      ซึ่งระหว่างที่ นายประสิทธิชัย เดินลงจากรถบัสของเรือนจำ เพื่อขึ้นห้องพิจารณา ได้เห็นสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ก็ได้ยกมือไหว้  แต่เราไม่ได้เห็นสีหน้า เพราะสวมหน้ากากอนามัย

กรณีเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา จำเลยได้ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม.ติดท่อเก็บเสียง บุกเข้าไปชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ในห้างโรบินสัน ลพบุรี แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ในนั้นมีเด็กชาย วัย 2 ขวบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน  ก่อนนำทองคำรูปพรรณกว่า 30 เส้น มูลค่ากว่า 6 แสนบาท หลบหนีไป   ซึ่งต่อมานายประสิทธิชัยก็ถูกตำรวจตามจับตัวได้   ในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาของศาล  นายประสิทธิชัยได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

 

 


ศาลอาญาสั่งประหาร ผอ.กอล์ฟ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานต่างๆ มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้พิสูจน์ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง มีการเตรียมการวางแผนก่อนมาก่อเหตุ ไม่ใช่ก่อเหตุไปเพราะความคิดชั่ววูบ ตามที่จำเลยเคยให้การไว้ เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้ จึงหน้ามืดก่อเหตุไป ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีเด็กอายุ 2 ขวบ เสียชีวิต ที่จำเลยอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ศาลเห็นว่าฟังไม่ขึ้น ถือเป็นการจงใจเตรียมการก่อเหตุ เป็นผลต่อเนื่องจากการก่อเหตุ การกระทำของจำเลย เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม จึงไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ ซึ่งมีความผิดตามข้อกล่าวหาทุกข้อหา ซึ่งบางข้อหามีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต จึงพิพากษาให้ประหารชีวิต

 

นอกจากนี้จำเลยตัองชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าทนายความ และชดใช้สินไหมทดแทน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อไป นับตั้งแต่ 9 มกราคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหมด

 

 

ศาลอาญาสั่งประหาร ผอ.กอล์ฟ