- 28 ก.ย. 2563
จากกรณีที่มีคลิปเหตุการณ์ครูอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่ง ทำร้ายร่างกายนักเรียนจนตัวปลิวลงพื้น เดือนซ้ำรุมตี ถีบ โดยที่ไม่สนครูคนอื่นห้าม จนสุดท้ายผู้ปกครองมาเอาเรื่อง ทำแบบนี้กับลูกฉันได้ยังไง กระทั่ง ครูจุ๋ม อรอุมา ปลอดโปร่ง ได้เปิดใจด้วยสีหน้าเศร้า กล่าวยอมรับว่าได้กระทำความรุนแรงทำร้ายร่างกายเด็กจริง เนื่องจาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องแม่ป่วยเบาหวาน ความดัน และโรคไต อีกทั้งต้องดูแลเด็ก 32 คนถือว่ามีจำนวนเยอะ ประกอบกับเด็กนักเรียนไม่ฟัง และทำงานไม่ทัน เนื่องจากการเรียนการสอนของเด็กอนุบาลต้องใช้สมุดงานเขียนเยอะ
จากกรณีที่มีคลิปเหตุการณ์ครูอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่ง ทำร้ายร่างกายนักเรียนจนตัวปลิวลงพื้น เดือนซ้ำรุมตี ถีบ โดยที่ไม่สนครูคนอื่นห้าม จนสุดท้ายผู้ปกครองมาเอาเรื่อง ทำแบบนี้กับลูกฉันได้ยังไง กระทั่ง ครูจุ๋ม อรอุมา ปลอดโปร่ง ได้เปิดใจด้วยสีหน้าเศร้า กล่าวยอมรับว่าได้กระทำความรุนแรงทำร้ายร่างกายเด็กจริง เนื่องจาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องแม่ป่วยเบาหวาน ความดัน และโรคไต อีกทั้งต้องดูแลเด็ก 32 คนถือว่ามีจำนวนเยอะ ประกอบกับเด็กนักเรียนไม่ฟัง และทำงานไม่ทัน เนื่องจากการเรียนการสอนของเด็กอนุบาลต้องใช้สมุดงานเขียนเยอะ
ต่อมา นายชาญวิทย์ วัย 37 ปี พ่อของน้องเสือ นักเรียนที่ถูกครูจุ๋ม ทำร้าย กล่าวหลังจากที่มาร่วมแจ้งความที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพชร ทนายความว่า ครูจุ๋มจะฟ้องกลับกรณีที่ตนบันดาลโทสะเข้าไปทำร้าย ซึ่งสิ่งที่ปรากฏตามคลิปนั้น คือ แม่ของน้องเสือเห็นคลิปก็ฟิวส์ขาดไปทำร้ายร่างกายก่อน ตนก็สุดจะทนจริง ๆ อยากให้สังคมมองว่า ในคลิปมีครู 4-5 คน เวลาทำร้ายเด็กกลับไม่มีใครสนใจ แต่ตอนที่ตนทำร้ายครู ทำไมทุกคนเห็น ช่วยมาห้าม ทั้งที่ตอนเด็กถูกทำร้ายก็เป็นเด็กเล็ก ๆ ตาดำ ๆ
ถ้าครูจะแจ้งความดำเนินคดีตน ตนก็ไม่ยอมรับในความผิดนี้ ถ้าเขาฟ้องมาก็ฟ้องกลับ พร้อมสู้ทุกเรื่อง หลังจากนี้จะพาลูกย้ายออกจากโรงเรียนแน่นอน ขณะเดียวกันก็เตรียมปรึกษาทนาย ฟ้องเรียกค่าเสียหายเยียวยาจิตใจให้สูงที่สุดเป็นเงินหลักล้าน แต่ยังไม่บอกว่ากี่ล้าน
อ่านข่าว - พ่อนร.ผู้เสียหาย ท้า ครูจุ๋ม ฟ้องมาเตรียมฟ้องแหลก ลั่นวันนี้ถึงกระจ่างทำไมลูกก้าวร้าวตบหน้าพ่อ
ความคืบหน้าล่าสุดบรรดาผู้ปกครองนักเรียน กว่า 100 ราย เดินทางมาที่โรงเรียน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดยัอนหลัง 10 วัน เนื่องจากกลุ่มผุ้ปกครองไม่สบายใจ หลังจากที่ได้เห็นคลิปภาพที่ปรากฏออกมาอย่างรุนเเรง ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ในแต่ละระดับชั้น ขณะที่ผู้อำนวยการ และ รองผู้อำนวยการโรงเรียนไม่อยู่มีเพียงตัวแทนครูธุรการมารับหน้า ทำให้ผู้ปกครองยื่นคำขาดว่าจะไม่กลับ หากไม่มีข้อยุติ
โดยทุกคนต้องการความเชื่อมั่น และ ต้องการทราบเเนวทางการเเก้ปัญหาของโรงเรียน ขณะที่ผู้ปกครองบางคน เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มไม่มั่นใจกับทางโรงเรียน และอยากนำลูกหลานของตัวเองย้ายโรงเรียน ขณะที่บางคนก็อยากทราบพฤติกรรมของครูอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ผู้ปกครองบางส่วน เปิดเผยว่า นอกเหนือจากคลิปที่ปรากฎยังมีลูกของตัวเองแจ้งว่า ถูกครูผลักหัว
ขณะที่ ตำรวจสภ.ราชพฤกษ์ ได้เข้ามาช่วยเเก้ปัญหา พร้อมแจ้งผู้ปกครองว่า ขณะนี้กล้องวงจรปิดของโรงเรียน ทางตำรวจจะใช้เป็นพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้ทางโรงเรียนยังไม่ได้ส่งมอบให้ ทำให้ผู้ปกครองกังวลว่าจะเกิดการทำลายหลักฐานจึงต้องการขอยื่นคำขากดูวงจรปิดทุกชั้นเรียนในวันนี้ ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด และจะขอปักหลักรออยู่ที่โรงเรียนจนกว่าจะได้ตรวจสอบกลัองวงจรปิดยัอนหลัง 10 วัน
นอกจากนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า "เดินทางไปกระทรวงศึกษาธิการ
พิ้งค์เองขอเป็นแกนนำและเป็นกระบอกเสียง เพื่อทวงสิทธิ์มนุษย์ธรรมให้กับเด็กๆทุกคน เรื่องทั้งหมดจะต้องไม่เงียบ และได้คืนมาซึ่งความถูกต้อง
คนผิดจะต้องได้รับโทษแบบสาสม เด็กๆที่โดนกระทำจะต้องได้รับการเยียวยา .."
ขณะที่ ทนายรณรงค์ แก้วเพชร โพสต์ข้อความ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนดังกล่าว อย่างน่าสะเทือนใจ