สันธนะ เข้ามอบตัว หลังศาลออกหมายจับ หลั่งน้ำตา อ้างถูกยัดเยียดข้อหา

หลังจากที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 62 ปี อดีตตำรวจสันติบาล พร้อมพวกและทนายความเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เพื่อมอบตัวกรณีถูกพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ออกหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้เลขที่ 362/2564 คดีอุ้มรีดเรียกค่าไถ่ชาวไต้หวัน ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ข่มขืนใจ
 

 

การเข้ามอบตัวในครั้งนี้ของนายสันธนะสืบเนื่องมาจากกรณีอุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวันรีดค่าไถ่ 90 ล้านบาท บริเวณคอนโด ย่าน สน.ทองหล่อ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งคดีนี้มีการแจ้งความและดำเนินการจับกุมเมื่อเดือนมิถุนายน ได้ผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งตำรวจ โดยที่ผ่านมาศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีไปแล้วทั้งหมด 15 คน ซึ่งจากการสืบสวนขยายผลทราบว่า มี นายสันธนะ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และปรากฎตัวในจุดเกิดเหตุ  

 

โดยการเข้ามอบตัวในครั้งนี้ ดูท่าทาง นายสันธนะ มีอาการอิดโรยหลังจากที่เพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด ในขณะที่ทีมงานพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนที่เกี่ยวข้อง ก็เตรียมตัวสวมชุด PPE ปฏิบัติหน้าที่กันทุกนาย เนื่องจากทราบข้อมูลว่า นายสันธนะ เพิ่งหายป่วยกลับจากโรงพยาบาลมาและยังอยู่ระหว่างการกักตัวต่อที่บ้านพัก
 

 

นายสันธนะ กล่าวทั้งน้ำตาและท่าทีคล้ายคนเหนื่อยหอบตลอดเวลาก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ตนเองได้เข้ามามอบตัว หลังทราบว่าตำรวจสน.ทองหล่อ ได้ขอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมองว่ากระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจากว่า ตนเพิ่งหายจากอาการป่วยด้วยโควิด-19 และอยู่ระหว่างกระบวนการกักตัวอีก 14 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันศุกร์นี้ 

"ผมเคยแถลงข้อเท็จจริงไปแล้วว่า รู้จักกับชาวต่างชาติเหล่านั้นแต่ว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของคดี จนคดีนี้สำนวนการสอบสวนจะครบฝากขังใน วันศุกร์ที่ 6 ส.ค.นี้ พนักงานสอบสวนจะต้องนำสำนวนส่งอัยการ ส่วนผมเองก็กำลังพักรักษาตัวเกี่ยวกับการติดโรคโควิด และมีใบเเพทย์ยืนยัน ซึ่งก็ยังอยู่ในระหว่างกักตัวจะครบกำหนดในวันศุกร์ที่ 6 ส.ค.นี้เช่นกัน คดีเกิดมา 4 เดือนแล้ว อีก 4 วันพนักงานสอบสวนที่โรงพักนี้ ก็กลั่นแกล้งตนขอหมายจับยัดข้อหาตนให้อยู่ในสำนวนคดีเดียวกัน เรื่องนี้ตนคิดว่าจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด" 
 

นอกจากนี้ นายสันธนะ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ตนเคยเข้ามายื่นหนังสือขอเลื่อนการสอบปากคำ ผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ ไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่ สน.ทองหล่อ ซึ่ง ตำรวจก็ยังออกหมายจับ ในวันที่ตนเองยังกักตัวไม่ครบตามกำหนด ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะใช้เงินส่วนตัว ในการขอประกันตัวออกมา เพื่อให้มีเสรีภาพ พร้อมทั้งอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาว่าการกระทำที่เกิดขึ้น เหมาะสมหรือไม่

 

อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ตนจะใช้สิทธิ์ฟ้องกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และหัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ที่ทำเรื่องขออนุมัติหมายจับด้วย
 

อย่างไรก็ตามสำหรับวันเกิดเหตุขณะที่ นายเวน ยู ชุง นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ได้ถูกคนร้ายร่วมกันจับใส่กุญแจมือ พาตัวไปยังห้องพักรายวันที่อยู่ห่างไป 200 เมตร ก่อนจะใช้โทรศัพท์ติดต่อไปเรียกค่าไถ่จากนายจ้างเป็นเงิน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเรียกค่าไถ่จากญาติของ นายเวน ยู ชุง อีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

แต่ญาติๆ เห็นท่าไม่ดีจึงติดต่อไปขอความช่วยเหลือยังสถานทูตให้ประสานตำรวจ กลุ่มผู้ต้องหาจึงยอมปล่อยตัว จนนำมาสู่การออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุจำนวนหลายคน ซึ่งในส่วนของ นายสันธนะ นั้นทราบข้อมูลว่า เจ้าตัวกับพวกรวม 7 คน ถูกออกหมายจับคดีนี้ มีที่เดินทางมา สน.ทองหล่อ ร่วมกันรวม 5 คน อีก 1 คนหลบหนีติดต่อไม่ได้ และ อีก 1 คน ป่วยอยู่ระหว่างรักษาอาการโรคโควิด