- 23 ส.ค. 2564
ไล่ไทม์ไลน์ระทึกเหตุการณ์ระทึก หนุ่มคลั่งจี้รถเมล์สาย 8 นั่งเครียดบอกข้อเรียกร้องก่อนโดนรวบ ผบช.น. เค้นสอบหนัก
หลังจากช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เกิดเหตุสุดระทึกใจกลาสงกรุง เมื่อเกิดเหตุ หนุ่มคลั่งจี้รถเมล์สาย 8 ก่อนที่หน่วยอรินทรราช 26 จะเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้ จากนั้นจึงนำตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งผลออกมาเป็นลบ แล้วจึงนำไปทำการสอบสวน ซึ่ง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้ออกมาเปิดเผยคำสารภาพว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการเครียดเรื่องปัญหาส่วนตัว อีกทั้งยังตกงาน
ตามไทม์ไลน์ที่ นายพีรณัฐ แสงจันทร์ อายุ 24 ปี ผู้ก่อเหตุได้กระทำนั้นสามารถเรียบเรียงได้ดังนี้ว่า เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา นายพีรณัฐ ได้ก่อเหตุจี้คนขับรถโดยสารสาย 8 บริเวณตลาดแฮปปี้แลนด์ ถนนแฮปปี้แลนด์สาย 1 เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ลาดพร้าว ที่ได้ตรวจสอบเหตุจึงจึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมประสานหน่วยอรินทราช 26 เข้าระงับเหตุ
ด้านพนักงานเก็บค่าโดยสารได้เล่าเหตุการณ์การที่เกิดขึ้นว่า นายพีรณัฐ ขึ้นรถโดยสารมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กระทั่งมาถึงบริเวณดังกล่าว นายพีรณัฐ กลับไม่ยอมลงจากรถ คนขับรถเมล์จึงได้บอกไปว่ารถหมดระยะแล้ว หลังจากสิ้นเสียง นายพีรณัฐ จึงลุกขึ้นเดินมาหาคนขับ พร้อมกับชักอาวุธปืนออกมา พร้อมตะโกนว่า "...ขับกลับไปส่ง...ที่อนุสาวรีย์ฯ เลย"
กระเป๋ารถเมล์เล่าต่อไปว่า เมื่อผู้โดยสารเห็นดังนั้น จึงเกิดความตกใจอย่างมาก คนขับรถเมล์ตั้งสติได้จึงออกอุบายว่า จะขอไปเซ็นใบออกรถก่อน จากนั้น คนขับรถ จึงรีบวิ่งลงจากรถทันที เหลือเพียงกระเป๋ารถกับผู้โดยสารอีกราย ซึ่ง นายพีรณัฐ ยังบังคับให้กระเป๋ารถเมล์ปิดประตูรถ กระทั่งตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ นายพีรณัฐ จึงยินยอมปล่อยตัวประกันออกมา
จากนั้น เวลา 23.00 น. คืนวันเกิดเหตุ นายพีรณัฐ พร้อมอาวุธปืนในมือที่กำลังอยู่ในอาการเครียด ซึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน ขณะเดียวกัน หน่วยอรินทราช26 พร้อมอาวุธครบมือ ได้เข้าเตรียมความพร้อมบริเวณจุดเกิดเหตุ และให้สื่อมวลชน หลบให้ห่างระยะและวิธีกระสุน เพราะอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง
เวลายืดเยื้อมาจนถึง 01.00 น. ของวันที่ 23 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ได้ตามตัว แม่ของนายพีรณัฐ ผู้ก่อเหตุมายังบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อทำการเจรจาเกลี้ยกล่อม โดย แม่ผุ้ก่อเหตุ ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงของเจ้าหน้าที่ว่า ขอให้มอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ แม่นายพีรณัฐ ยังได้ถามลูกชายออกไปด้วยว่า "รักแม่ไหม" ก่อนจะพูดให้ลูกชายของตนเดินมาที่หน้าต่างด้านท้ายรถ
จากนั้นเวลา 02.00 น. ของวันที่ 23 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปลอมตัวเป็นสื่อมวลชนถือกล้องเข้าไป ก่อนจะทำทีสอบถามว่า ต้องการอะไร ซึ่ง นายพีรณัฐ ได้พูดกับเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ขอให้เยียวยาประชาชน และขอให้ฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงแก่ประชาชนทุกคน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำทีรับข้อเสนอว่าจะเป็นกระบอกเสียงให้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เข้าไปประชิดแล้วพยายามที่จะคว้าปืนจากมือของนายพีรณัฐ แต่ปรากฏว่าคนร้ายได้ดึงตัวกลับ กระทั่งได้จังหวะชุดจู่โจมของหน่วยอรินทราช 26 จึงบุกขึ้นรถเมล์เข้าชาร์จคุมตัวได้ภายในรถ ก่อนนำตัวขึ้นรถตู้ไปสอบสวนที่ สน. ลาดพร้าว
ภาพจาก nationtv.tv
ตามรายงานเบื้องต้นระบุว่า นายพีรณัฐ เดินทางมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิโดยพกอาวุธปืน 1 กระบอก แต่ยังไม่ได้ก่อเหตุยิงใครแต่อย่างใด ซึ่งอาวุธปืนของนายพีรณัฐ อยู่ระหว่างส่งตรวจสอบ ว่ามีประวัติอาชญากร มีหมายจับในคดีชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ท้องที่สน.บางซื่อ ก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 64 ได้เงินไป 8,000 บาท เบื้องต้นดำเนินคดีฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ โดยใช้อาวุธและหน่วงเหนี่ยวกักขัง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำการสอบสวน นายพีรณัฐ ผู้ก่อเหตุอย่างหนัก เนื่องจาก คำกล่าวเบื้องต้นที่ว่ามีอาการเครียดเนื่องจากปัญหาหาส่วนตัวและเรื่องการเงินที่ส่งผลกระทบในการใช้ชีวิต อีกทั้งก่อนหน้านี้ นายพีรณัฐ ยังได้มีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับทางการเมือง ซึ่งรายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวนส่วนคนร้ายได้ร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่นั้นยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ