- 27 พ.ย. 2564
รวบชายต้องสงสัยเค้นสอบ ลงมือเด็ก 7 ขวบ หลักฐานคาห้องแต่เจ้าตัวยังคงปฏิเสธ ด้านตำรวจกำลังเร่งหาเสื้อผ้าของเด็กว่าถูกถอดนำไปทิ้งที่ใด
จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนใจ พบร่างเด็ก 7 ขวบในห้องน้ำชั้น 3 แฟลตแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา โดยหลังได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ ตำรวจชุดสืบสวน ฝ่ายปราบปราม เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ ต่อมาได้คุมตัวชายต้องสงสัยไปสอบปากคำแล้วเนื่องจากพบหลักฐานคาห้องพัก
เมื่อถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องเช่าหมายเลข 37 ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องว่างพบร่างเด็กชายอายุ 7 ปี ในสภาพนอนคว่ำหน้าและไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำ ชันสูตรเบื้องต้นพบว่าถูกฆาตรกรรม ที่ลำคอมีรอยช้ำ ศีรษะมีบาดแผลเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง และภายในห้องมีรอยรองเท้าผู้ใหญ่เดินเข้าไปในห้องด้วย และสภาพภายในห้องดูเหมือนกับมีการนำร่างมาซ่อนไว้ ไม่ได้ลงมือในห้องที่เกิดเหตุ และห้องถูกล็อกกุญแจไว้จากด้านนอก
ทั้งนี้เด็กที่เสียชีวิตหายออกจากห้องพักไปเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ญาติรวมทั้งเพื่อนบ้านได้มีการโพสต์ภาพประกาศตามหาทางเพจ HATYAIZ ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กชื่อดังของเมืองหาดใหญ่ และช่วยกันออกตามหาเพราะพ่อแม่เป็นห่วงมาก โดยเฉพาะแม่ร้องให้ตลอดเวลา จนกระทั่งมาพบว่าเสียชีวิต
นอกจากนี้ยังมีคำให้การของเพื่อนเด็กเล่าว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตมาเคาะประตูเรียก 2 รอบแต่ออกมาไม่ได้เพราะประตูล็อก หลังจากนั้นได้ยินเสียงเด็กร้องแต่ไม่ได้ยินเสียงผู้ใหญ่ และเหมือนกับถูกปิดปากไป 2 ครั้ง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัยอายุประมาณ 25-26 ปีคนหนึ่งที่ชาวบ้านระบุว่ายืนอยู่หน้าห้องเกิดเหตุ แต่เจ้าตัวยังอยู่ในอาการนิ่งเงียบไม่ยอมให้การใดๆ โดยตำรวจได้คุมตัวไปตรวจค้นห้องพักพบคราบเลือดอยู่ตรงกลางห้องที่มีรอยเช็ดทำความสะอาดใหม่ ๆ ในห้องพักยังพบหลักฐานสำคัญเป็นลูกกุญแจที่สามารถไขกับแม่กุญแจที่ล็อกห้องที่พบร่างเด็กได้จึงนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.หาดใหญ่ แต่ยังปฏิเสธ
โดยตำรวจเผยต่อว่ากำลังเร่งหาเสื้อผ้าของเด็กว่าถูกถอดนำไปทิ้งที่ใด ตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุ และจะส่งศพไปชันสูตรหาร่องรอยของการถูกทำร้ายและสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง และดูว่ามีร่องรอยของการถูกล่วงละเมิดหรือไม่
และจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาเบาะแสของคนร้าย ตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยว่าตรงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุและในตัวผู้ตายหรือไม่ ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญในการมัดตัวคนร้าย