ลือสนั่น ชายไทย ก่อเหตุสลในไต้หวัน หนีกบดานภาคเหนือไทย มีเบาะแสขอแจ้งทันที

ลือสนั่น ชายไทย ก่อเหตุสลในไต้หวัน หนีกบดานภาคเหนือไทย มีเบาะแสขอแจ้งทันที สืบเนื่องจากกรณีที่ 2 สามี - ภรรยา ชาวไทยที่อาศัยอยู่ไต้หวันถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ซึ่งตามรายระบุพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็น ชายไทย ซึ่งเพื่อนของ 2 สามีภรรยาคู่นี้ ชนวนเหตุมาจากการขัดผลประโยชน์กัน่อนที่ คนก่อเหตุจะทำร้ายทั้งคู่จนถึงแก่ชีวิต แต่ที่ยิ่งสลดก็คือตรวจสอบพบว่าฝ่ายภรรยา กำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน

จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้หนีกลับไทยด้วยสายการบิน STARLUX เที่ยวบิน JX741 เวลา 10.30 น. 9 มิถุนายน หลังจากที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญกับเพื่อนร่วมชาติแล้ว ก่อนที่จะมีกระแสข่าวลืออย่างหนักว่า ผู้ก่อเหตุคนนี้ เดินทางกลับเข้ามาช่องทางถูกต้องตามกฎหมายของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้น เดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่

- เร่งตามล่า ชายไทย ก่อคดีสะเทือนขวัญ สามี - ภรรยา เพื่อนร่วมชาติ คาด 2 ปมเหตุ

สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นตอนนี้ทราบชื่อแล้วว่าคือ พจนีย์ และ ประเสริฐ ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นมีรายงานแค่ว่าชื่อ นายสันติ ในส่วนเรื่องคดีขณะนี้อยู่ระหว่างรอไต้หวันส่งหนังสือให้ไทยจับกุมตัวผู้ก่อเหตุตำรวจจึงจะมีอำนาจในการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่าผู้ก่อเหตุซ่อนตัวที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่ ทางภาคเหนือของไทย

 

เนื่องจาก นายสันติ เป็นญาติห่างๆ ที่สนิทกันกับหญิงผู้เสียชีวิต จะเรียกว่าโตมาด้วยกันก็ได้ เพราะเรียนหนังสือมาด้วยกัน ที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีรหัสเข้าบ้าน และกินข้าวด้วยกันทุกวัน โดย นางพจนีย์ ไปเรียนและทำงานที่ไต้หวัน พร้อมกับมีสามีที่ไต้หวันก่อนจะได้สัญชาติ จากนั้นได้ชวน นายสันติ ไปทำงานที่ไต้หวัน ด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า หลังจากที่ตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านพักในอำเภอไชยปราการแล้ว ขณะนี้ไม่พบว่าผู้ก่อเหตุคนนี้หลบซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ตำรวจเชียงใหม่ ยังไม่ได้รับการประสานเกี่ยวกับหมายแดง หรือ หมายดำ ของตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โปล ที่จะใช้ในการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุคนนี้

ขณะเดียวกัน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้เร่งตรวจสอบ และคดีนี้เกิดในต่างประเทศ ทำให้มีความซับซ้อน แต่อย่างไรก็ตามจะเร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย หากมีใครพบเห็นก็สามารถแจ้งตำรวจได้ทันที ส่วนกรณีที่สงสัยกันว่าคนร้ายอาจจะข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านแล้วนั้น กำลังตรวจสอบอยู่