- 18 มิ.ย. 2565
"สันติ" สารภาพปมแค้นลงมือสามี-ภรรยาไทยในไต้หวันหลังโดนเค้นสอบทั้งคืน ตำรวจตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังฝากขังต่อศาลอาญาผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมคัดค้านประกันตัวหวั่นหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30. น. ที่ กองบังคัการปราบปราม ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน หรือหยาง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาที่ 1155/2565 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ในความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" มาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมฝากขังต่อศาลอาญาผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ และคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกกรรจ์และอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี ก่อนคุมตัวส่งเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร
"สันติ" สารภาพปมแค้น สามี-ภรรยาไทยในไต้หวันหลังโดนเค้นสอบทั้งคืน
หลังจาก นายสันติ เข้ามอบตัว กับตำรวจ ที่บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายสันติ ก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.พจนีย์ หรือมี่ อายุ 35 ปี และ นายประเสริฐ อายุ 32 ปี สองสามีภรรยาชาวไทยและลูกแฝดในครรภ์ พร้อมกับนำร่างผู้ตาย ใส่ท้ายรถยนต์ จอดทิ้งไว้สถานีรถไไฟ้าเถาหยวน ไต้หวัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 ก่อนหลบหนีมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา และถูกกดดันจากหลายฝ่ายจนเข้ามอบตัว โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายสันติตลอดทั้งคืนและเพิ่งนำตัวลงมาที่ห้องคุมขังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยไม่พบว่ามีญาติมาติดต่อเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากการสอบปากคำตลอดทั้งคืนในที่สุดนายสันติ ผู้ต้องหายอมเปิดปากให้การยอมรับว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้สองสามีภรรยาเสียชีวิตจริง แต่ปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเอง โดยรับว่าในวันเกิดตนเองเป็นคนนัดให้สองสามีภรรยาไปพบกลุ่มมาเฟียชาวไต้หวัน เพื่อเคลียร์เรื่องหนี้สินยาเสพติด ที่ตนเองได้ร่วมกันลงทุนค้ายาเสพติดแต่อ้างว่าเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ จนเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง กลุ่มมาเฟียไต้หวันจึงลงมือฆ่าทั้งสองคน จากนั้นตนเองก็มีหน้าที่นำศพสองสามีภรรยาและลูกแฝดใส่ท้ายรถและขับไปจอดทิ้งไว้ที่ริมทางรถไฟก่อนที่ตัวเองจะบินกลับมาที่ประเทศไทย
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะเป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาที่จะพูดอะไรก็ได้ และการขยายผลเรื่องยาเสพติดตำรวจไทยไม่สามารถเข้าไปทำการสืบสวนได้เป็นอำนาจของตำรวจไต้หวัน แต่เชื่อว่าเรื่องนี้อาจเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาเพื่อให้มีเหตุจูงใจในการลงมือเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าขัดแย้งเรื่องการส่งแรงงานไปทำงานที่ไต้หวันตรงนี้ไม่ถึงกับขัดแย้งกันแต่ยอมรับว่ามีการทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับแรงงานนี้จริง ส่วนกรณีที่เดินทางเข้ามาไทยและหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านมีบุคคลใดให้การช่วยเหลือหรือไม่อยู่ระหว่างการสืบสวน ขยายผล