บุกจับหนุ่มปอร์เช่ ซิ่งชนคนเสียชีวิต หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาล

ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับกุม หนุ่มซิ่งปอร์เช่ ชนคนตาย ไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จากคดีขับรถปอร์เช่เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ เมื่อปี 2562


  ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง จับกุม นายธีรเทพ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 537/2566 ลงวันที่ 27 กันยายน 2566 คดีหมายเลขดำที่ อ50/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อ1731/2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ความผิดต่อชีวิต ประมาท ความผิดต่อร่างกาย ประมาท ความผิดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก”


   โดยสามารถจับกุม หนุ่มปอร์เช่ จากคดีขับรถชนรถจักรยานยนต์ จนมีผู้เสียชีวิตเมื่อปี 2562 ได้ บริเวณหน้าบ้านพักในพื้นที่ ม.7 ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี  เนื่องจากสาเหตุที่ หนุ่มปอร์เช่ไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

บุกจับหนุ่มปอร์เช่ ซิ่งชนคนเสียชีวิต หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาล

  
 
   พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานจากเจ้าพนักงานตำรวจศาลประจำศาลจังหวัดปทุมธานี ว่านายธีรเทพ อายุ 33 ปี ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวข้างต้น ศาลจังหวัดปทุมธานีจึงได้ออกหมายจับผู้ต้องหา เจ้าพนักงานตำรวจศาลประจำศาลจังหวัดปทุมธานีจึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งคดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่เป็นข่าวดังเมื่อปี 2562 กรณีผู้ขับขี่รถปอร์เช่เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณถนนหลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี

   ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยบริเวณบ้านพักในพื้นที่ ม.7 ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ จนได้พบชายไทยมีตำหนิรูปพรรณคล้ายผู้ต้องหาเดินอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่หลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตัว จากการสอบถามทราบชื่อคือ นายธีรเทพฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหา ส่งศาลจังหวัดปทุมธานีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

บุกจับหนุ่มปอร์เช่ ซิ่งชนคนเสียชีวิต หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาล


  คดีดังกล่าว ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกผู้ต้องหา 4 ปี ปรับ 60,000 บาท ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คุมความประพฤติผู้ต้องหา 1 ปี ให้ผู้ต้องหาไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง กับให้ผู้ต้องหาทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรมีกำหนด 20 ชั่วโมง ให้ผู้ต้องหาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 2,035,225 บาท และให้ผู้ต้องหาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 1,509,000 บาท ​ สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา