ชายวัย 49 ปี โดนทำร้ายร่างกาย ก่อนเดินลงคลองดาวคะนองจมหาย

ชายวัย 49 ปี โดนทำร้ายร่างกาย ก่อนเดินลงคลองดาวคะนองจมหาย : กลางดึกวันที่ 4 เข้าสู่เช้าวันที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 01:40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม รับแจ้งมีผู้สูญหายภายในน้ำบริเวณคลองดาวคะนอง จึงเร่งรุดจัดกำลังพร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกู้ภัยทางน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดชุดอุปกรณ์ประดาน้ำเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที 

 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุอยู่ตรงบริเวณใต้สะพานข้ามคลองดาวคะนอง ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวง บางประกอก เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร 

 

จากการตรวจสอบพบที่เกิดเหตุอยู่ภายในคลองดาวคะนอง มีความกว้างประมาณ 20 เมตร ลึกประมาณ 4 - 5 เมตร และจากการสอบถามพยานผู้พบเห็นได้ชี้จุดที่ชาย อายุ 49 ปีได้จมหายไปภายในคลองดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษจึงรีบรุดจัดอุปกรณ์ประดาน้ำแล้วนำทีมกู้ภัยทางน้ำจำนวนทั้งสิ้น 5 นาย ลงช่วยกันงมร่างชายผู้สูญหายภายในคลองดาวคะนองทันที 

 

เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำใช้เวลาในการค้นหาอยู่นานถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบชายผู้สูญหายคนดังกล่าว เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นคลองระบายน้ำขนาดใหญ่และมีความยาวหลายกิโลเมตร ซึ่งคลองดังกล่าวเป็นคลองส่งน้ำที่ไหลออกไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้โดยมีประตูระบายน้ำคลองดาวคะนองกั้นขวางอยู่ 

 

และในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นจังหวะที่ประตูระบายน้ำได้เปิดออกพอดีน้ำภายในคลองดังกล่าวจึงมีความแรงและไหลเชี่ยวอยู่ตลอดเวลา แล้วช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดมิด แสงสว่างไม่เพียงพอจึงยากต่อการมองเห็น 

แต่อย่างไรแล้วเจ้าหน้าที่ประดาน้ำก็ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว และได้ใช้เวลาลงค้นหาเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงเต็มแต่ก็หาร่างผู้สูญหายดังกล่าวไม่พบ จึงจำเป็นต้องยุติการค้นหาในค่ำคืนนี้ เพราะเกรงว่าถ้ายังค้นหาต่อไปจะเป็นอันตรายต่อทีมนักประดาน้ำได้เพราะทุกคนเริ่มอ่อนกำลังกันหมดแล้ว

 

 

และจากการสอบถาม นาย จักริน ทองสงคราม อายุ 25 ปี ผู้พบเห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ชายคนดังกล่าวเดินมาถามตนเองว่าผมจะข้ามไปฝั่งนู้นยังไง ตนเองก็เลยตอบว่าถ้าจะข้ามไปฝั่งนู้นให้เดินย้อนกลับไปตามทางที่รถวิ่งมาเพื่อที่จะเดินข้ามสะพานไปแกก็เดินไปถึงต้นไม้ตรงนั้นแล้วแกก็เดินย้อนกลับมาหาตนแล้วแกก็ไม่ได้พูดอะไรเลย 

 

 

ตนเองก็ไม่รู้ว่าแกจะยังไง แต่พอตนหันกลับมาอีกทีแกก็ปีนข้ามไปแล้วและแกก็เดินเลาะไปเรื่อยแล้วแกก็ลงไปร่วงลงข้างเรือพอดี แล้วพอดีตำรวจผ่านมา ตนเองก็เลยเรียกตำรวจ แล้วตำรวจก็มาส่องไฟ แล้วก็เห็น แกก็เลยพยายามว่ายน้ำไปหลบที่ตอม่อกลาง พอแกข้ามไปตรงนั้น พักนึงไม่ถึง 5 นาทีแล้วแกก็ลอยคอมาตามน้ำไปเลย 

 

"แล้วแกก็ไปจมลงตรงประตูเหล็ก แล้วมีพี่ตำรวจอยู่คนนึงก็เปิดไฟฉายส่องตามแกไป ก็เห็นว่าแกจมลงตรงนั้น อายุน่าจะประมาณ 50 กว่า ในสภาพแตะกางเกงขาสั้นเสื้อยืด สีดำ กางเกงออกสีเทา รูปร่างสันทัดไม่อ้วนไม่ผอม ส่วนสูงประมาณ 155-160 ซม. 

 

 

ตอนที่แกมาข้อมือซ้ายมีพันแผลมา ก่อนแล้ว หัวแตก 2 ที่ พันหัวมา ตาด้านขวาปิด แล้วก็มีรอยแผลเย็บหลายเข็ม เหมือนกับโดนทำร้ายมาก่อนแล้ว และก็เมามาด้วย พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วก็เดินเซมาเลย ทีแรกนึกว่าเจ็บแผลแล้วก็มองไม่ค่อยเห็นก็เลยเดินเซ แต่พอจังหวะที่เขาเข้ามาถามตนเองคือกลิ่นเหล้ามันออก ตนเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ว่ามาจากไหน"

 

 

ขณะเดียวกันจากการสอบถาม นาย สมภพ โพธิ์ศรี อายุ 37 ปี อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รหัสกู้ภัยจุด สน.บางคอแหลม 025 เล่าว่า ผู้สูญหายภายในน้ำชื่อ นายโกบิลย์ ชามนตรี อายุ 49 ปี เขามาขอความช่วยเหลือที่จุดจอดเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกายซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นคนที่พาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาบอกว่าถูกรุมทำร้ายร่างกายอยู่ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 14 บริเวณกลางซอย 

ตนเองและเพื่อนๆ ที่อยู่ตรงบริเวณจุดจอดก็ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็นำตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า (โรงพยาบาลทหารเรือ) ตอนนั้นเหตุเกิดประมาณช่วง 3 ทุ่มกว่าๆของคืนวันที่ 4 ธันวาคม แล้วพอมารู้อีกทีว่าผู้ได้รับบาดเจ็บคนดังกล่าวมาเดินลงน้ำตรงนี้ก็ช่วงประมาณปลายๆ ตี 1 

 

ที่ตนรู้ว่าเป็นนาย โกบิลย์ ก็เพราะว่าตนเองเอารูปถ่ายให้คนที่ตกปลาอยู่แถวนี่ซึ่งเขาเป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอเขาดูก็บอกกับตนเองว่าใช่เลย ตนเองก็เลยแน่ใจว่าเป็นคนเดียวกับที่ตนเองพาไปส่งโรงพยาบาลเมือตอนช่วงหัวค่ำแต่รายละเอียดทั้งหมดว่าทำไมถึงมาเดินลงน้ำตรงบริเวณนี้อันนี้ตนเองก็ไม่ทราบแน่ชัด

 

เบื้องต้นทีมกู้ภัยทางน้ำได้ทำการงมหาร่างของชายคนดังกล่าวเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบร่างของชายคนดังกล่าว จึงคาดว่าน่าจะลอยไปที่อื่นแล้วเป็นเพราะว่ากระแสน้ำค่อนข้างจะแรงและเป็นช่วงเวลาที่ประตูระบายน้ำอาจจะเปิดพอดี แต่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกู้ภัยทางน้ำก็ใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถและสุดกำลังแล้วเพียงแค่หวังว่าชายผู้เคราะห์ร้ายรายนี้จะได้รับความปลอดภัยและกลับคืนสู่ครอบครัวเท่านั้น