- 15 ม.ค. 2561
อ่านรายละเอียดเพจRichman can do
คิดอย่างไร ประกันสังคม เงินเยอะมากหรือ..??
ประทีป ตั้งมติธรรม
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคม ได้มาซึ่งหลักทรัพย์บมจ.ศุภาลัย (SPALI) จำนวน 0.06% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลมีจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 5.05% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จากเดิมที่หุ้นนี้อยู่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 จำนวน 71,969,300 หุ้น หรือ 4.19% แต่ขณะนี้ถือเพิ่มเป็น 5.05%
ส่วนผู้ถือหุ้น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.) ประทีป ตั้งมติธรรม จำนวน 413,595,644 หุ้น หรือ 24.09% 2.) บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 130,224,837 หุ้น หรือ 7.59% 3.) อัจฉรา ตั้งมติธรรม จำนวน 90,188,200 หุ้น หรือ 5.25 %
สำหรับ บริษัท ศุภาลัย SPALI ดำเนินธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1) ที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและที่ดินจัดสรร อาคารชุด ในทำเลทั่วเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด 2) อาคารสำนักงานให้เช่า และ 3) ธุรกิจรีสอร์ทโรงแรมในต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (15/1/61) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI แถลงแผนดำเนินงานปี 61 โดยมี ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร และไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ให้ข้อมูล SPALI ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2.6 หมื่นลบ. และยอดขาย 3.3 หมื่นลบ. เผยมีงานในมือ (backlog) 3.98 หมื่นลบ. รับรู้ปีนี้กว่า 1 หมื่นลบ.กางแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 35 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นลบ. พร้อมวางงบซื้อที่ดิน 9 พันลบ. แย้มมีแผนลงทุนในอาเซียน คาดโครงการ Supalai Icon โครงการมิกซ์ยูส บนถนนสาทร มูลค่า 1.8-2 หมื่นลบ. จะเปิดได้ภายในช่วงครึ่งปีหลัง แย้มมีบริษัทเข้ามาเจรจาร่วมทุน เผยปีนี้ตั้งเป้าเปิดโครงการแนวราบใหม่ในประเทศออสเตรเลีย 1-2 โครงการ จากปัจจุบันมี 6 โครงการ
ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้(backlog) อยู่ที่ 39,881 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ปีนี้ประมาณ 10,901 ล้านบาท และปี 62 รอรับรู้อีก 11,014 ล้านบาท ส่วนยอดขายตั้งเป้าไว้ที่ 33,000 ล้านบาท หลังจากปี 60 ทำยอดขายได้ทะลุเป้าถึง 30,777 ล้านบาท โดยจากเป้าหมายดังกล่าวจะแบ่งเป็นยอดขายที่มาจากโครงการคอนโดมีเนียมในกรุงเทพฯ 44% แนวราบในกรุงเทพฯ 27% แนวราบในต่างจังหวัด 25% และคอนโดมีเนียมในต่างจังหวัด 4%
ภาพรวมตลาดอสังหาฯปีนี้คาดว่าจะดีกว่าปี 60 จากปัจจัยการส่งออกและการท่องเที่ยวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยทรงตัว และภาครัฐมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ กระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และเริ่มตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่มตลาดประเภทไฮเอนด์อาจมีการแข่งขันด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีค่อนข้างสูง
บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 35 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ เป็นแนวราบในต่างจังหวัด 13 โครงการ และแนวราบในกรุงเทพ 17 โครงการ ส่วนโครงการคอนโดมีเนียม 5 โครงการอยู่ในกรุงเทพฯ
บริษัทมีแผนจะเปิดตัว Supalai Icon โครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูส บนที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ถนนสาทร โดยเบื้องต้นจะมีทั้งร้านค้า อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย ซึ่งมูลค่าประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีผู้สนใจเข้ามาขอร่วมทุนในส่วนงานต่างๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปการร่วมทุนช่วงไตรมาส 3 ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเปิดตัวโครงการในช่วงครึ่งปีหลัง และใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ปี
ส่วนอสังหาฯในต่างจังหวัด ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายถึง 30% โดยมีโครงการอยู่ในพื้นที่ 11 จังหวัด ซึ่งปีนี้บริษัทจะขยายไปที่จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดที่ 12 และมีการขยายโครงการแนวราบในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) การขายลูกค้าต่างชาติปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากปี 60 อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพบว่ามีต่างชาติสนใจซื้อมากยิ่งขึ้น และบริษัทคงต้องพึ่งพาตัวแทนขาย Agent บ้างพอสมควร มีแผนจะเปิดโครงการแนวราบหรือเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ในประเทศออสเตรเลีย เพิ่มเติม 1-2 แห่ง จากปัจจุบันมีโครงการในออสเตรเลียแล้ว 6 แห่ง ส่วนงบซื้อที่ดินตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท โดยจะเน้นหาที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมีเนียมในกรุงเทพเป็นหลัก มีแผนจะออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมปีนี้ ที่จะครบกำหนดปีนี้ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท
สำหรับหน่วยงานประกันสังคม นอกจากจะเก็บเงินสมทบเพิ่มจากสมาชิกได้ทุกเดือนแล้ว ยังมีสิทธิที่จะนำเงินสมทบนี้ไปลงทุนในรูปแบบต่างที่ให้ผลประโยชน์กลับคืนมาได้ แต่ต้องมีความเสี่ยงต่ำ จึงจะเห็นว่า ประกันสังคม เข้าไปถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลายบริษัทด้วยกัน โดยมีคณะกรรมการลงทุนฯ เป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจว่าจะนำเงินไปลงทุนอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตามการนำเงินมาลงทุนเพิ่มกับหุ้น ศุภาลัย ที่ขณะนี้ราคาอยู่ระดับ 23.80 บาท ผู้คนต่างตั้งข้อสงสัยว่า หุ้นตัวนี้เหมาะต่อการลงทุนระยะยาวอย่างไร เพราะจากนโยบายบริษัทเมื่อปีที่แล้ว ประกาศงดจ่ายปันผล เนื่องจากบริษัทออกวอร์แรนต์ให้แทน แต่ปีนี้จ่ายปกติ นอกจากนั้นประชาชนที่เป็นเจ้าของเงิน ไม่ได้รับรู้หรือเห็นฐานะการเงินของประกันสังคมแต่อย่างใด รู้แต่ว่า มีภาระหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้กับรัฐทุกเดือน แต่ไม่มีสิทธิรู้ว่า รัฐนำเงินประชาชนไปลงทุนอะไรบ้าง และได้ผลประโยชน์กลับมาหรือไม่ ทีมงานจึงขอฝากเรื่องนี้ให้ภาครัฐและผู้บริหารประกันสังคมได้รับทราบด้วย ว่า ประชาชนเจ้าของเงินก็มีสิทธิรับรู้ในส่วนนี้ เพราะเราทำหน้าที่พลเมืองดีและรับผิดชอบครบถ้วน ฝ่ายรัฐก็ต้องทำหน้าที่นี้ด้วย เช่นกัน