โหดเรียกพี่.. ทีวีดิจิทัล เปิดศึกชิงถ่ายทอดบอลโลก

สงครามชิงเรตติ้งยกต่อไป ช่องไหนบ้างจะได้สิทธิถ่ายทอดสดบอลโลก2018

ยกต่อไปของศึกทีวีดิจิทัล ที่จะเปิดเกมชิงเรตติ้งกัน และครั้งนี้จะดุเดือดเลือดพล่านกว่า ช่วงละครหลังข่าว เพราะจะชิงการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ที่จะมีขึ้นในช่วง 14 มิ.ย.ถึง15 ก.ค.ปีนี้ที่ประเทศรัสเซีย เพราะทั้ง 25 ช่องทีวีดิจิทัล คงไม่ได้สิทธิถ่ายทอดหมดทุกราย เนื่อจากไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนหลัก ที่ได้มีการประชุมตกลงกันเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่  19 มกราคม ที่ห้องประชุมชั้น 4 การกีฬาแห่งประเทศไทย  เรื่องการลงขันไปซื้อสิทธิฟุตบอลโลก มาถ่ายทอดให้คนไทยชม แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเรื่องช่องไหนบ้างจะได้สิทธิ
 

โดยผลการประชุม นำโดย ''บิ๊กเสือ'' สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานประชุม เชิญผู้แทนจากฝ่ายเอกชน 7 ราย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์, บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด หรือ ช้าง, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อหารือแนวทางการการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2018 ที่ประเทศรัสเซีย

ทั้งนี้ในที่ประชุมมีมติให้ บริษัท คิง พาวเวอร์ เป็นตัวแทนในนามผู้แทนประเทศไทยไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ แทนการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ติดขัดทางกฎหมายไม่สามารถไปซื้อลิขสิทธิ์เองได้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้เงินทั้งหมด ประมาณ 1,400 ล้านบาท รวมค่าลิขสิทธิ์และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ โดย 7 กลุ่มองค์กรยักษ์ใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ตกลงจ่ายหน่วยงานละประมาณ 200 ล้านบาท และจะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ขึ้นมา 1 ชุดเพื่อดูแลประสานงานทั้งหมด
เนื่องจากทุกบริษัทมีความเห็นพ้องต้องกันว่า กกท.จะให้ คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ประสานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  ประเทศรัสเซีย เจ้าภาพ และ ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เจ้าของสิทธิ์โดยตรง ตั้งแต่ขั้นตอนการทำสัญญา ซึ่งกกท.จะพยายามดูแลเรื่องการลดหย่อนภาษีต่างๆ 
นอกจากนั้นภาครัฐการดำเนินงานภาครัฐไม่คล่องตัวเท่าเอกชน และ คิง เพาเวอร์  มีสายสัมพันธ์เกี่ยวกับวงการฟุตบอลในระดับนานาชาติ และมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญกว่ากกท. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจจะต้องพูดคุยเรื่องของกฎหมายต่างๆ ให้ชัดเจนด้วย โดยการประชุมอีกครั้งจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้
แต่ทั้งนี้ในที่ประชุมยังไม่ได้คุยกันในรายละเอียดว่าหากซื้อลิขสิทธิ์ได้แล้ว จะนำมาออกอากาศช่องใดบ้าง เพราะต้องการให้มีการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์เสร็จก่อน
สำหรับการจ่ายค่าลิขสิทธิ์จะแบ่งจ่ายทั้งหมด 4 งวดตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม  ถึงเดือนเมษายน ก่อนหน้าการแข่งขันที่จะมีขึ้นในช่วง 14 มิถุนายน ถึง 15 กรกฎาคมปีนี้ที่ประเทศรัสเซีย ทั้งนี้เป็นการซื้อลิขสิทธิ์แบบครอบคลุมในทุกช่องทางทั้งทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ออนไลน์ รีรัน รวมถึงลิขสิทธิ์ภาพข่าวด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีวีดิจิทัลที่จะได้สิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก น่าจะเป็นช่องที่บริษัทที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เข้าไปสนับสนุนร่วมลงขันซื้อสิทธิในครั้งนี้ด้วย เช่น ช่อง TNN24 ช่องทรู4U เพราะ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลัก เช่นเดียวกับ ช่อง พีพีทีวี และ ช่องONE ก็ติดข่ายว่าจะได้สิทธิถ่ายทอดด้วย เพราะบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด หรือ ช้าง เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักด้วย 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายงานข่าวแล้วว่า ช่อง 5 ของกองทัพบก คาดว่าจะเป็นหนึ่งในช่องหลักที่ได้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้ด้วย โดยออกอากาศในระบบ HD นอกจากนี้ยังมีช่อง NBT กรมประชาสัมพันธ์ ของรัฐบาล และจะมีทีวีดิจิทัลช่องหลักอีกจำนวนหนึ่ง เพราะจับนัยจากการให้สัมภาษณ์ของ บิ๊กเสือ สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการกกท. เผยว่า  ต้องขอบคุณ ''บิ๊กป้อม'' พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ประสานเรื่องนี้ดึงเอกชนมาร่วมลงขันจนประสบความสำเร็จ
สำหรับการถ่ายทอดสดช่องทางใดนั้นมีการหารือในการประชุมครั้งนี้หรือไม่  ผู้ว่าการกกท. เผยว่า จะมีการหารือกันอีกครั้ง ช่องที่จะถ่ายทอดสดนั้นจะต้องจ่ายเพิ่มหรือไม่คงต้องคุยกัน เพราะ ตอนนี้ช่องฟรีทีวีมี 26 ช่อง  โดยในส่วนของแพ็กเกจนั้น การซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ เป็นการซื้อลิขสิทธิ์ในแพ็กเกจ ซี คือ เป็นการซื้อแพ็กเกจใหญ่ที่สุดทุกช่องทาง รวมถึงการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งจะต้องหารือเรื่องของการบล็อก และเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายด้วย
 
ดังนั้นคนในวงการตั้งข้อสงสัยว่า ทีวีดิจิทัลช่องที่ไม่ได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลัก แต่อยากได้ร่วมสิทธิถ่ายทอดด้วย คงต้องไปเจรจาซื้อสิทธิต่อจากผุ้สนับสนุนหลัก แต่คาดว่าในที่ประชุมร่วมของ กกท.และ 7 เอกชนที่ร่วมลงขัย คงต้องมีการประชุมร่วมกันในเรื่องนี้อีกครั้งซึ่งถือเป็นวาระใหญ่ เพื่อให้ทุกรายใช้กฎ กติกา เดียวกัน ในการให้สิทธิรายอื่นร่วมถ่ายทอดบอลโลก เพราะการได้สิทธิถ่ายทอดบอลโลก 2018 ครั้งนี้มีผลต่อเรตติ้งช่องมาก
      
สำหรับการถ่ายทอดสดช่องทางใดนั้นมีการหารือในการประชุมครั้งนี้หรือไม่  ผู้ว่าการกกท. เผยว่า จะมีการหารือกันอีกครั้ง ช่องที่จะถ่ายทอดสดนั้นจะต้องจ่ายเพิ่มหรือไม่คงต้องคุยกัน เพราะ ตอนนี้ช่องฟรีทีวีมี 26 ช่อง  โดยในส่วนของแพ็กเกจนั้น การซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ เป็นการซื้อลิขสิทธิ์ในแพ็กเกจ ซี คือ เป็นการซื้อแพ็กเกจใหญ่ที่สุดทุกช่องทาง รวมถึงการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งจะต้องหารือเรื่องของการบล็อก และเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายด้วย
ขอบคุณกราฟฟิกจาก เพจTV Digital watch