แล้งหนัก! ดันราคาข้าวตันละ 17,000 บาท สูงสุดประวัติการณ์

แล้งหนัก! ดันราคาข้าวตันละ 17,000 บาท สูงสุดประวัติการณ์

ชาวนาจากหลายพื้นที่อำเภอ เช่น อ.สตึก อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ และ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ได้นำข้าวเปลือกทั้งที่เกี่ยวสด และข้าวเปลือกที่ตากแห้งแล้ว บรรทุกใส่รถกระบะและรถหกล้อ มารอขายที่ “โรงสีสหพัฒนาค้าข้าว” ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อย่างต่อเนื่อง หลังจากปีนี้ทางโรงสีได้เปิดรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ถึงกิโลกรัมละ 17 บาทหรือตันละ 17,000 บาท ปรับขึ้นลงตามเปอร์เซ็นต์ต้นข้าว

โดยสาเหตุที่ปีนี้โรงสีรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูง เนื่องจากนาข้าวส่วนใหญ่ในหลายอำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์ ประสบปัญหาภัยแล้งและภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้ข้าวยืนต้นตายเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งปีนี้คาดว่าผลผลิตจะลดลงมากกว่าครึ่ง จึงทำให้ราคาข้างพุ่งสูงตามกลไกตลาด

 

แล้งหนัก! ดันราคาข้าวตันละ 17,000 บาท สูงสุดประวัติการณ์

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรหลายคนต่างโอดครวญว่า ถึงแม้ปีนี้ทางโรงสีจะรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูง แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ก็ไม่มีผลผลิตไปจำหน่าย เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วงแห้งตายเสียหายแล้ว จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งด้วย

 

แล้งหนัก! ดันราคาข้าวตันละ 17,000 บาท สูงสุดประวัติการณ์

ด้านนายสมเดช นามพันธ์ ชาวนา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ และนายจันทา มาขุมเหล็ก ชาวนา อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ที่นำข้าวมาขายโรงสี บอกว่า ถึงแม้ปีนี้ราคาข้าวเปลือกจะสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา สูงถึง ก.ก.ละ 17 บาท แต่ปีนี้กลับได้ผลผลิตน้อยไม่ถึงครึ่งของปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วงทำให้ต้นข้าวแห้งตายเสียหาย บางส่วนหญ้าขึ้นปกคลุมทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่ถึงครึ่งของพื้นที่เพาะปลูก ทำให้เสียโอกาสแทนที่จะมีรายได้จากการขายข้าวได้เต็มที่ หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือชดเชยนาข้าวที่เสียหายด้วย

 

แล้งหนัก! ดันราคาข้าวตันละ 17,000 บาท สูงสุดประวัติการณ์