นายกฯ สั่งตีกลับ " มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า" เข้าข่าย สินค้าไม่ร่วมรายการ 

เงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ทุกคนรอคอยจ่อซื้อโทรศัพท์มือถือ-สมาร์ทโฟน หรือว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่ล่าสุด นายกฯ "เศรษฐา" สั่งที่ประชุมคณะอนุฯ ดิจิทัลวอลเล็ตทบทวนบัญชีสินค้าไม่ร่วมรายการ

นายกฯ สั่งตีกลับ " มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า" เข้าข่าย สินค้าไม่ร่วมรายการ 

นายกฯ สั่งตีกลับ \" มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า\" เข้าข่าย สินค้าไม่ร่วมรายการ 

ทางด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยถึงการกำหนดสินค้าที่ไม่ร่วมรายการ (Negative List) ในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมกำหนดให้ใช้ซื้อโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ โดยอยากให้กระทรวงพาณิชย์กลับไปทบทวนรายละเอียดของสินค้ากลุ่มดังกล่าวอีกครั้ง 

นายกฯ สั่งตีกลับ \" มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า\" เข้าข่าย สินค้าไม่ร่วมรายการ 

“ก่อนหน้านี้มีการสรุปจากที่ประชุมถึงสินค้าที่สามารถใช้ดิจิทัลวอลเล็ตซื้อได้ แต่มีการถกเถียงกันในสังคมเรื่องการซื้อโทรศัพท์มือถือ ท่านนายกฯ ก็ได้แสดงความห่วงใยอยากให้ทบทวนให้ละเอียดอีกครั้ง โดยเป็นห่วงเรื่องสินค้านำเข้าเพราะจะทำให้การใช้จ่ายรอบแรกเงินจะไหลไปต่างประเทศ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ต้องการกระตุ้นการบริโภคและการผลิตในประเทศ"

นายกฯ สั่งตีกลับ \" มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า\" เข้าข่าย สินค้าไม่ร่วมรายการ 

 

 

 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมจึงได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์กลับไปทบทวนสินค้ากลุ่ม Negative List อีกครั้งก่อนกลับมานำเสนอในการประชุมช่วงปลายสัปดาห์หน้า

 

นอกจากนี้ที่ประชุมวันนี้ได้หารือเรื่องการทำระบบลงทะเบียนและการเชื่อมต่อระบบ หรือ Open Loop โดยที่ประชุมได้กำหนดกลุ่มที่สามารถเชื่อมต่อกับ Open Loop ประกอบด้วย 1.ธนาคารพาณิช์ 2.สถาบันการเงินของรัฐ และ 3.กลุ่ม e-Payment ทั้งนี้รายละเอียดยังต้องมีการหารือกับกลุ่มดังกล่าวอีกครั้งซึ่งคาดว่าจะได้หารือในอีก 1 สัปดาห์ 

 

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือการประชาสัมพันธ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนรับทราบ เพื่อทำความเข้าใจถึงการเข้าใจถึงการใช้สิทธิของประชาชนและร้านค้า คาดว่าจะเริ่มได้ใน 2-3 สัปดาห์

 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความยากของการกำหนด Negative List คือต้องรักษาสมดุลระหว่าง ความหลากหลายของสินค้าที่ประชาชนใช้จ่ายกับวัตถุประสงค์ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ที่ประชุมยังยึดกรอบเวลาโครงการเหมือนเดิม คือ ให้ประชนลงทะเบียนได้ในไตรมาส 3 และ เริ่มใช้จ่ายได้ในไตรมาส 4 ปี 2567 โดยประชาชนจะเริ่มใช้จ่ายพร้อมกันทุกกลุ่ม

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสินค้านำเข้าไม่ได้มีแค่สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ เท่านั้นแต่ยังรวมถึงสินค้าอื่นๆ ด้วย อย่างกรณีเครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีทั้งที่ผลิตในประเทศไทย และนอกประเทศด้วย ซึ่งจะต้องมาหาวิธีกำหนด การกำกับที่จะสามารถทำให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมยอมรับว่ากลุ่มสินค้านำเข้านั้น มีความยาก และมีค่อนข้างกว้างมากในการกำกับดูแล