แค่อ่านถึงเคลิ้ม!!"รอมแพง" เคลื่อนไหวแล้ว ปฐมบท"พรหมลิขิต"ภาคต่อบุพเพสันนิวาส ทำ"พี่หน่อง"ยิ้มไม่หุบ

จากกระแสยอดฮิตของละครดังอย่าง "บุพเพสันนิวาส" ที่สร้างปรากฏการณ์ต่าง ๆ และทำให้หลาย ๆ คนกลับมาติดละครอีกครั้ง ด้วยเนื้อหาที่สนุกพร้อมทั้งยังสอดแทรกความรู้ทางประวัติศาสตร์เข้าไปในเนื้อเรื่อง ทำให้คนดูหลายคนเมื่อได้ดูแล้วก็เกิดความสนใจอย่างศึกษาเรื่องราวในอดีต หลายคนถึงกับเดินทางไปท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ และจากกระแสสุดฮิตนี้เองทำให้เกิดการเรียกร้องอยากให้มีภาคต่อของละคร บุพเพสันนิวาส ซึ่งก็เป็นไปตามที่คนดูหวัง เพราะ นางสาวจันทร์ยวีร์ สมปรีดา "รอมแพง" เจ้าของบทประพันธ์บุพเพสันนิวาสได้เขียนภาคต่อละครในชื่อเรื่องว่า "พรหมลิขิต"

 

โดยรอมแพง เปิดเผยว่า "นวนิยายภาค 2 ต่อจากบุพเพสันนิวาส ชื่อว่า พรหมลิขิต เป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้เหมือนเดิม ต้องใช้เวลาหาข้อมูล ที่คิดไว้ จะเป็นเรื่องราว ช่วงรุ่นลูก และมีเรื่องของ มนต์กฤษณะกาลี เป็นตัวเชื่อมต่อเนื่องจากในยุคของพระเพทราชา พระเจ้าเสือ พระเจ้าท้ายสระ และ พระบรมโกศ ซึ่งยังคงมีตัวละคร ขุนศรีวิสารวาจา (พี่หมื่น) และ แม่หญิงการะเกด โดยการะเกด จะได้อัพเดตข้อมูลข่าวสาร ในยุคปัจจุบัน จากคนที่เข้าไปใหม่ด้วย"

 

ล่าสุด ทำเอาแฟนละครและชาวเน็ตฮือฮาไม่น้อย เมื่อบนเฟซบุ๊ก รอมแพง ได้มีการโพสต์ข้อความว่า...วันนี้เพิ่งส่ง 9 ตอนแรกของนิยาย พรหมลิขิต ไปให้ บ.บรอดคาซท์ เพื่อให้เขาได้ไปดำเนินการก่อน แล้วข้าพเจ้าก็จะได้ปั่นงานต่อไปให้จบ โดยมิต้องเครียดมากนัก นอกจากนี้แล้วยังรับจ๊อบพิเศษให้ทางพิพิธภัณฑ์สยามอีกเล็กน้อย เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการในรถไฟฟ้าใต้ดินสนามไชยหน้าพิพิธภัณฑ์สยาม ที่อาจจะถูกดัดแปลงไปทำวีดีทัศน์อันน่าจะอลังมลังเมลือง...มั้ง

 

...ถ้าหากมีใครสักคนที่มีเวลาอย่างไม่จำกัด เขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร...ฉันเองก็เคยคิดว่าชีวิตของฉันเกิดมาเพื่ออะไร และเหตุใดฉันจึงไม่เหมือน “มนุษย์” คนอื่น ฉันจำไม่ได้ว่าจุดเริ่มต้นของชีวิตฉันมาจากที่ไหนและเมื่อไหร่ เมื่อระลึกได้ว่าฉันมีตัวตน ฉันก็อยู่ในวังวนที่ไม่มีวันจบสิ้นเสียแล้ว ฉันใช้เวลาเดินทางไปทั่วทุกมุมโลกเท่าที่อยากไป ฉันพูด ฟัง อ่าน เขียนได้ทุกภาษาบนโลกใบนี้ ฉันซึมซับความรู้ที่ทันสมัยที่สุดของยุคสมัยนั้นๆบนโลกใบนี้ผ่านเครือข่ายของการตื่นรู้ ทันทีที่มนุษย์บนโลกนี้รับรู้ความรู้นั้นๆฉันก็จะรับรู้ไปด้วย บางครั้งฉันก็โลดแล่นไปกับความรู้เหล่านั้น หรืออาจจะนั่งนิ่งๆปล่อยให้ความรู้และเวลาไหลผ่านตัวฉันไป ฉันไม่เคยหิว ไม่เคยป่วย ไม่เคยแก่...และแน่นอนว่าไม่เคยตาย แม้เวลาจะผ่านมาหลายพันปีแล้วก็ตาม

 

ทุกห้าสิบปีผู้คนที่ฉันเคยรู้จัก คนที่เคยพูดคุย แม้แต่คนที่เคยรักใคร่จะลืมว่าเคยมีฉันอยู่บนโลกใบนี้ แล้วทุกความสัมพันธ์ก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลายชีวิตที่เคยผูกพันผ่านวัฏจักร เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยที่ฉันไม่มีอำนาจหยุดรั้งการเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวของฉันเลย รอบแล้วรอบเล่าที่ฉันต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับมา จนกลายเป็นความชาชิน ฉันมองเห็นเล่ห์เหลี่ยม ความแค้น ความอยากได้ใคร่ดี ความทรมาน ความเมตตารวมไปถึงความรัก ของผู้คนรอบตัว บางครั้งถ้าอารมณ์ดีฉันก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหรือมีส่วนร่วม บางครั้งถ้าฉันเบื่อหน่ายฉันก็จะละทิ้งให้เป็นไปตามยถากรรม ฉันใช้ชีวิตกับหลากหลายเผ่าพันธุ์ หลากหลายภูมิประเทศคล้ายกับว่ากำลังมองหาที่ใดที่หนึ่งที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นบ้าน และแน่นอนว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเจอ “บ้านของฉัน”

 

มันเป็นเช่นนี้มาหลายพันปีเท่าที่ฉันยังคงอยู่ แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เมื่อฉันได้เดินทางมาดินแดนแห่งนี้ ...ดินแดนที่มีชื่อกล่าวขานว่า “สุวรรณภูมิ” ช่วงเวลาที่ฉันเดินทางมาถึงสุวรรณภูมิ เป็นช่วงเวลาที่ดินแดนแห่งนี้รุ่งเรืองจากการค้าที่เกิดขึ้นจากการเดินเรือข้ามมหาสมุทร ข้ามทวีป ฉันและชาวต่างชาติเรียกผู้คนท้องถิ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ในผืนแผ่นดินแห่งนี้ว่า ชาวสยาม

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-"พี่หมื่นโป๊ป - แม่นายเบลล่า" โพสต์ครบรอบ 1 ขวบ ละครฮิตข้ามภพ "บุพเพสันนิวาส" (คลิป)

-ตรงๆ ชัดๆ!! "พ่อเดื่อ" ปัดน้อยใจ อดได้เงินโบนัส "บุพเพสันนิวาส" เผยสิ่งที่ได้รับยิ่งใหญ่กว่าโบนัสมาก...คำตอบนี้ได้ใจ FC สุดๆ!??

 

อ่านต่อที่นี่

 

ขอบคุณ : รอมแพง