- 04 พ.ค. 2562
หลายคนคงรู้จักกันดีกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ในการสัมภาษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยนำข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์มาอ่านในรายการโทรทัศน์ หรือที่เรียกกันว่า เล่าข่าว ซึ่งผลงานที่เป็นที่รู้จักคือ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเล่าเสาร์ อาทิตย์ คุยคุ้ยข่าว และ ถึงลูกถึงคน
หลายคนคงรู้จักกันดีกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ในการสัมภาษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยนำข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์มาอ่านในรายการโทรทัศน์ หรือที่เรียกกันว่า เล่าข่าว ซึ่งผลงานที่เป็นที่รู้จักคือ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเล่าเสาร์ อาทิตย์ คุยคุ้ยข่าว และ ถึงลูกถึงคน
โดยย้อนกลับไป สรยุทธ เริ่มทำงานเป็นนักข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 โดยทำข่าวสายรัฐสภาเป็นเวลาสองปี และทำข่าวสายทำเนียบรัฐบาลอีกสองปี ต่อมาในปี 2535 ได้ประจำในกองบรรณาธิการ ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง และในปี 2537 ได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง ในปี 2540 ได้มาเป็นบรรณาธิการข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่าง สุดท้ายเป็นรองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น
นอกจากการเป็นผู้ดำเนินรายการแล้ว สรยุทธ ยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ผลิตรายการโทรทัศน์) และ บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด (รับจัดงานและกิจกรรม) ชีวิตครอบครัว สรยุทธ ได้สมรสกับ เพียงจันทร์ ว่องวิชชุเวทย์ พนักงานอิสระ (Freelance) ของสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์
ต่อมา สรยุทธ ได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินคดีเอาผิด บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ขณะที่ สรยุทธ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ในคดีเบี้ยวค่าโฆษณา อสมท. จำนวน 138 ล้านบาท และ สน.ห้วยขวางได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้คณะกรรม ป.ป.ช.เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 จน สรยุทธ ต้องประกาศยุติบทบาทการจัดรายการข่าว เท่านั้นไม่พอ ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือนไม่รอลงอาญาปรับเงินบริษัทไร่ส้ม 8 หมื่นบาท โดยสรยุทธ ได้อุทธรณ์สู้คดีต่อวางหลักทรัพย์ประกันตัวสองแสนบาท
จนกระทั่งต่อมาศาลฎีกาได้อนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 5 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2561 โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้จำเลยต้องมารายงานตัวต่อศาลทุก 3 เดือน
ปัจจุบันเชื่อว่าหลายคนอาจจะคิดถึง สรยุทธ กันว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งต้องบอกเลยว่าตอนนี้ สรยุทธ ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายเข้าวัดทำบุญ ใส่บาตรในตอนเช้าทุกๆวัน อีกทั้งในยามว่างยังได้ผันไปเป็นเด็กวัด เห็นแบบนี้แล้วคงต้องบอกเลยว่าในชีวิตของคนเรานั้นไม่มีอะไรแน่นอน