คุณพ่อวิโรจน์ เล่านาทีลูกสาว น้ำตาล หัวใจหยุดเต้น ก่อนจากไปตลอดกาล

เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สมุทรสาคร ได้เดินทางไปที่อาคาร 12 ชั้น ห้องไอซียู 2 รพ.สมุทรสาคร เพื่อติดตามอาการของนักแสดงสาว น้ำตาล บุตรศรัณย์ ทองชิว หรือ น้ำตาล The Star 5 ซึ่งเกิดอาการป่วยเลือดออกทางปากและจมูก หายใจไม่สะดวก จนต้องปั๊มหัวใจที่บ้าน ก่อนนำส่ง รพ.สมุทรสาครตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันเดียวกัน 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ยื้อชีวิต น้ำตาล the star

 

 

เเละในเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 12 มิ.ย. นั้น อาการของ น้ำตาล ก็ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ แพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด และยังพบว่ามีอาการหัวใจหยุดเต้นถึง 2 ครั้ง แต่แพทย์ก็สามารถปั๊มขึ้นมาได้ 

 

 

โดยบรรยากาศเช้านี้ที่บริเวณหน้าห้องไอซียู 2 ชั้น 2 อาคาร 12 ชั้น รพ.สมุทรสาครนั้น ก็พบว่ามีทั้ง นายวิโรจน์ ทองชิว ผู้เป็นบิดา นางสุขใจ ถิรเมธีกุล มารดา ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ตลอดจนทีมงานThe Star ได้เดินทางมาเฝ้าดูอาการตลอดนับตั้งแต่เข้ามารับการรักษาตัว ซึ่งทางครอบครัวก็ได้มีการปรึกษาหารือกันถึงการเตรียมที่จะย้ายน้ำตาลไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ 

 

 

ทั้งนี้ นางสุขใจ คุณเเม่ ของ สาวน้ำตาล ได้เปิดเผยว่า คำสุดท้ายที่ลูกสาวพูดกับตนเอง ก่อนที่จะหมดสติไป คือ แม่เลือดออกปากหนู ก่อนหน้านี้น้องไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย แต่ก็มีป่วยเป็นหวัดทั่วไป ก็หาหมอตามปกติ ไม่ได้มีอาการเครียดอะไรเลย 

 

เเละในช่วงบ่าย 13 มิถุนายน ทีมแพทย์ผู้รักษา และครอบครัว ของ สาวน้ำตาล ได้แถลงอาการความคืบหน้าของน้ำตาลว่า หลังจากได้ประสานรับตัวน้ำตาลมายังที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ได้ทำเอกซเรย์ปอดและสมอง พบว่ามีอาการสมองบวม ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินอาการทางด้านสมองได้ เนื่องจากมีอาการสมองบวม ต้องรอให้การบวมลดลงจึงจะทำการวินิจฉัยโรคต่อได้ และปัจจุบันต้องใช้ยาช่วยและเฝ้าระวังไม่ให้อาการทรุดตัวลงไปวันต่อวัน ทั้งนี้อาการของน้ำตาลเป็นอาการที่ไม่ได้พบบ่อยให้คนไข้ทั่วไป แพทย์จึงต้องใช้เวลาในการหาสาเหตุอีกด้วย

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แพทย์ศิริราชรับตัวน้องน้ำตาลเข้ารักษาแล้ว-พี่สาวเผยอาการล่าสุดทรงตัว-ใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด

 

เเละล่าสุดก็ต้องขอเเสดงความเสียใจ ต้องสูญเสีย น้ำตาล เดอะสตาร์ 5  เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลศิริราช  เมื่อเวลา 02.17 น. ของวันที่ 14 มิถุนายน หลังเข้ารับรักษาตัวด้วยอาการเลือดออกทางปากจมูก และในกระเพาะ เฉียบพลัน

 

 

อีกทั้ง น้ำทิพย์ น้องสาว ของ น้ำตาล นั้นก็ได้โพสต์บรรยายความในใจ หลังสูญเสียพี่สาว ขณะที่ตนเองนั้นทำงานอยู่ที่อเมริกา โดยระบุข้อความว่า ทิพอยู่ที่อเมริกา ทำงานที่สวนสนุกเหมือนทุกวัน ทิพต้องยิ้มและสร้างความสนุกให้เด็กๆ ทิพยิ้มกว้างและร่าเริง พยายามจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 4โมงเย็นวันนี้ ทิพรู้ข่าวตอนกำลังทำงาน เด็กๆขึ้นเครื่องเล่น ทิพลัดเข็มขัดให้เค้า ทิพพยายามยิ้ม แต่น้ำตาก็เริ่มไหล ทิพต้องขอกลับก่อน เพราะทิพทนยิ้มต่อไปไม่ไหว 
ทิพรู้มาตลอดว่าสิ่งที่ทิพกลัวที่สุดในชีวิต คือการเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะมันเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทิพพยายามเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อวันนึงที่มันเกิดกับคนที่ทิพรัก ทิพจะรับมือมันได้ แต่วันนี้มาถึงเร็วกว่าที่ทิพคิดไว้มาก วินาทีที่มันเกิดขึ้น มีแม่คนเดียวที่อยู่ตรงนั้น ทิพเสียใจที่ทิพไม่ได้อยู่กับแม่ ทิพไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าแม่รู้สึกยังไงที่ต้องรับมือคนเดียว แม่เก่งและเข้มแข็งมากๆ พี่ผึ้งกับพี่เต้ก็ดูแลทุกอย่างได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

 

เเละคุณพ่อวิโรจน์ นั้นก็ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงการจากไปของลูกสาว น้ำตาล ด้วยความเจ็บปวด ที่หัวใจของลูกสาวนั้นหยุดเต้น ก่อนจากไปตลอดกาล ซึ่ง คุณพ่อวิโรจน์ ได้เล่าว่า ตนเองได้ยังไม่ได้หลับมาตลอดทั้งคืน และอยู่กับน้องน้ำตาลจนห้วงนาทีสุดท้าย ซึ่งได้ไปบอกที่ข้างหูลูกสาวว่าไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้ไปอย่างสบายและสงบ เพราะที่ผ่านมาลูกสาวได้ทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบและได้เป็นศิลปินนักร้องตามที่ใจใฝ่ฝัน ซึ่งทางครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก หลังจากนี้ตนเองก็จะทำให้หน้าที่เป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวที่ดีต่อไป

 

 

เมื่อคืนหมอเรียกไปพบขอคำปรึกษาประมาณเกือบเที่ยงคืน เนื่องจากน้ำตาลหัวใจหยุดเต้น ซึ่งในช่วงการรักษาการทำงานของหัวใจอยู่ได้ด้วยยา และอวัยวะอื่นๆอยู่ได้ด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยเหลือ ซึ่งอยู่ๆ หัวใจหยุดเต้นแม้จะใช้ยา เชื่อว่าจะเกิดจากสมองตายหมด เป็นเวลาที่ทรมาน เราลองยื้อใช้เวลาประมาณชั่วโมงเป็นเวลาที่ทรมานสำหรับทุกคน ระหว่างนั้นพี่สาวได้เอาเพลงที่หลานรัก น้องไอริช ไปเปิดให้ฟัง ซึ่งในบ้านมีหลานรักอยู่คนเดียว ถ้าใครรู้จักน้ำตาลก็จะเป็นเหมือนผม เขาเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ไม่เหมือนใคร มีความชอบศิลปะ ชอบร้องเพลงเป็นที่หนึ่ง ซึ่งสุดท้ายลูกก็ทำเพลงออกมา ก่อนที่จะจากเราไป ก่อนที่น้ำตาล จะป่วย ได้คุยกันปกติไม่มีสัญญาณบอกว่าน้องจะป่วย ยังคุยกันเรื่องงานที่เราทำกับลูกปกติดี จนวันต่อมาได้รับสายจากแม่ว่าลูกป่วยหนัก เลือดออกปาก เมื่อไปถึงบ้านลูกก็อยู่บนเตียงฉุกเฉินแล้ว แต่ตั้งแต่หมดสติก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย

 

 

ส่วนเรื่องของการจะนำร่างของน้องน้ำตาลไปชันสูตร หรือเป็นกรณีตัวอย่างกับวงการแพทย์นั้น ขณะนี้กำลังมีการพูดคุยภายในครอบครัวในเบื้องต้นอยู่บ้าง แต่อยากจะให้ทุกฝ่ายรอความชัดเจนต่างๆจากทางแพทย์ โดยจะมีการแถลงข่าว ในเวลา 10.00 น. ของวันนี้โดยหลังจากนี้ ทางครอบครัวจะนำร่างของน้องน้ำตาล กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด ที่ วัดป้อมวิเชียรโชติการาม จ.สมุทรสาคร