- 26 ก.ค. 2562
โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อธุธยา หรือที่คนในวงการบันเทิงเรียกขานด้วยความเคารพว่า อาโย ได้มาเปิดใจผ่านรายการดัง คุยแซ่บShow และเล่าให้ฟังถึงอดีตรักของเธอกับพระเอกตลอดกาล เอก สรพงษ์ ชาตรี พูดถึงอดีตคนเคยรักว่าเป็นรักแรก รักเดียว และ รักสุดท้ายของชีวิต พร้อมแจงเหตุแยกทางไม่ใช่เป็นฝ่ายที่ถูกทิ้ง แต่เป็นฝ่ายถอยห่างออกมาเอง
โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อธุธยา หรือที่คนในวงการบันเทิงเรียกขานด้วยความเคารพว่า อาโย ได้มาเปิดใจผ่านรายการดัง คุยแซ่บShow และเล่าให้ฟังถึงอดีตรักของเธอกับพระเอกตลอดกาล เอก สรพงษ์ ชาตรี พูดถึงอดีตคนเคยรักว่าเป็นรักแรก รักเดียว และ รักสุดท้ายของชีวิต พร้อมแจงเหตุแยกทางไม่ใช่เป็นฝ่ายที่ถูกทิ้ง แต่เป็นฝ่ายถอยห่างออกมาเอง
ซึ่งเริ่มแรกพิธีกรได้ถามว่าในเรื่องความรัก อดีตคนคุ้นเคยของเราคือ เอก สรพงศ์ ชาตรี คือเป็นรักแรก รักเดียว และรักสุดท้ายในชีวิตจริงเหรอ อาโย กล่าวว่า
“จริง แต่ไม่ใช่ไม่มีคนมาจีบนะ แต่เราไม่เคยไปเป็นแฟนใคร เป็นคนรักคนยาก ถามว่าทำไมคนนี้ถึงสามารถทลายกำแพงในหัวใจได้ คือมันเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ บางทีเราบาดเจ็บในกองถ่าย เขาก็พาเราไปหาหมอ แล้วก็ยอมรับว่าหน้าตาของเขาเป็นสเป๊กของเราด้วย ถ้าถามว่าชีวิตรักสมัยนั้นก็ไม่สบายเหมือนสมัยนี้ ก็ต้องบอกว่าใช่ เราเปิดเผยไม่ได้ ต้องปิดบัง ไม่ว่าพระเอก-นางเอกคนไหนมีครอบครัว ถ้าหลุดเมื่อไหร่ เรตติ้งตกทันที ไม่ถึงกับไม่มีงานหรอก แต่ของเราคือยุคปลายๆ แล้วนะ ก่อนหน้านั้นต้องปิดบัง”
ทั้งนี้พิธีกรได้กล่าวต่อว่าแล้วความรักดำเนินมาขนาดไหน ถึงตกลงว่าเป็นคนนี้ อาโย กล่าวว่า
“ก็ท้องไง ตอนนั้นเป็นข่าวดังมาก ไม่มีคนรู้มาก่อน ไม่ได้ประกาศเลย แต่มีคนรู้โดยที่ตัวเรายังไม่รู้เลยอ่ะ เขาเดาออก พอเราไม่ค่อยสบายคือเราแพ้ท้องน่ะแหละ มีสื่อเดาว่าสงสัยจะท้อง เราถูดสะกดรอยตามตอนไปหาหมอ สุดท้ายไม่ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหรอก เขาก็พยายามมากดออดถึงหน้าบ้านเลย ถ้าถามมีผลกระทบต่อเรื่องงานหรือเรตติ้งไหม คือจริงๆ ตอนนั้นแฟนๆ เขาก็จะจับคู่ให้กันอยู่แล้ว อยากให้สมหวังเป็นแฟนกัน มีคนสมหวังกันเยอะ เรื่องลูกเนี่ยตั้งแต่ข่าวท้องถึงคลอดเขาก็ติดตามเรื่องลูกสาวมาตลอด ยิ่งเขาสอบติดจุฬาฯ ออกทีวีตั้งไม่รู้กี่รายการ”
พอพิธีกรได้ถามต่อว่าตอนนั้นไม่มีการจัดงานแต่งใช่ไหม อาโย กล่าวว่า "ไม่มี แต่งไปทำไม ท้องแล้วจะแต่งทำไม มันเปลือง เราไม่ได้อยากจัดงานแต่งงาน แต่ถ้าจะจัดก็จัดเป็นงานเล็กๆ หรือรับรู้กันภายในญาติพอ และไม่ได้ไปมาหาสู่ แต่ร่วมงานกันได้ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ไม่เคยทะเลาะกันเลย การที่เราห่างกันไปเราก็เป็นคนถอยออกมา เพราะเราคิดว่ามันวุ่นวาย ความสงบมันน้อย ความสุขมันก็น้อย เพราะฉะนั้นเราก็เลือกในทางที่ไปแล้วมันสุขและสงบดีกว่ามั้ย ความสงบที่พูดถึงหมายถึงเราไม่ชอบความวุ่นวาย แก่งแย่งชิงดี”
จากนั้นพิธีกรได้กล่าวต่อว่ามีตัวละครเพิ่มเข้ามาในชีวิตคู่ แล้วเขามาวุ่นวายกับเราเหรอ อาโย กล่าวว่า
“มันก็มีนะ เบื่อมาก รำคาญมาก มีการสร้างเรื่องขึ้นมาบ้าง อยากได้นักก็เอาไปเหอะ ถ้าเราคิดว่าจะยึดเอาไว้มันก็จะเป็นเรื่อง ถามว่ามีความสุขมั้ย ก็ไม่มี อีกอย่างเราก็จะจิตตก ไม่มีความสุข เราก็จะทรุดโทรม ต่อให้รักใครมากแค่ไหนต้องรักตัวเองมากกว่า เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเขามีคนเข้ามาเยอะ เป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่มีปัญหา มันอยู่ที่ตัวเราเลือกว่าเราจะเป็นนางยักษ์นางมารไปบู๊กับเขามั้ย หรือเราจะถอยออกมาแล้วมีชีวิตอย่างสงบ สุขสบาย อาจจะมีเสียใจ เพราะตอนนั้นเราก็ยักรักเขาอยู่ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ถามว่าเสียใจมั้ย มันก็เป็นธรรมดาของปุถุชน”
พอพิธีกรได้ถามต่อว่าเคยเสียใจหนักขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องของความรัก อาโย กล่าวว่า
“เสียใจว่าทำไมมันต้องมีปัญหา แล้วเราจะทำยังไง แต่เราไม่ปล่อยให้นาน มันไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคร่ำครวญ ในขณะที่เราเศร้าเสียใจ แต่อีกฝ่ายแฮปปี้มีความสุข เราเสียเปรียบ ถามว่าคุยไหมเราไม่คุย ฉันถอยไปแล้วอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเลี้ยงลูกเอง เขาก็เคยมีง้อบ้าง 2-3 ครั้งก็กลับมา แต่เขาก็มีอีก โอเคทีนี้จบละ เมื่อก่อนคนชอบคิดว่าเราถูกทิ้ง คนทั้งวงการคิดว่าเราถูกทิ้ง แต่ไม่ใช่ หลายๆ อย่างที่คนในสังคมเขารู้นี่ตรงกันข้ามเลย เราเป็นคนถอยออกมาเองค่ะ”
อย่างไรก็ตามพิธีกรได้ถามต่อว่าในวันที่เป็นซิงเกิลมัมมันเหนื่อย ทำยังไง อาโย กล่าวว่า
“เราเป็นคนที่ไม่ว่าจะรักใครก็จะรักจริงๆ ลูกนี่เป็นอะไรที่รักสุดชีวิต จะเลี้ยงดูเขาให้เวลาเขาเต็มที่ ให้จนเขารู้สึกว่าเขามีพร้อมหมดเลย ที่ถามว่าเคยเห็นอดีตคู่จิ้นของเราไปเดตกับคนอื่นไหม คือเราเห็น เราถือว่าถ้าไปเจอเขากลางถนน ไปเจอเขาที่อื่น เขาก็ไม่ใช่แฟนเรา ไม่ใช่สามีเรา เขาก็เห็นเรานะ มาถามเราด้วยว่าทำไมเห็นเขาแล้วเฉย แล้วจะให้เราทำยังไงอ่ะ จะให้วิ่งไปไปหึงหวง วิ่งไปแหกปากหรือ ไม่เอาหรอก น่าเกลียด”
นอกจากนี้พิธีกรได้ถามเสิรมว่าแสดงว่าถ้าสามีเราออกนอกบ้านไปก็เป็นคนอื่นแล้ว อาโย กล่าวว่า
"ถูกต้อง ค่านิยมของผู้ชายไทยตั้งแต่ยุคไหนมาแล้ว คือมีบ้านเล็กบ้านน้อยถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา สังคมไม่ประณาม แต่ผู้หญิงไม่ได้เลย ส่วนมีคนมาตามจีบเราไหม มี แต่ไม่ชอบ ความโสดของเรามันไม่มีเรื่องวุ่นวาย ไม่มีเรื่องที่เจ็บปวดใจ"