- 20 มิ.ย. 2563
หลังจากก่อนหน้านี้กลายเป็นประเด็นใหญ่โต สำหรับ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ที่ซื้อเวลาช่อง7 ถ่ายทอดสดการประกวด "มิสแกรนด์ไทยแลนด์" มา 7 ปีเต็ม แต่มาปีนี้กลับประกาศแตกหักกับช่อง7 เป็นที่เรียบร้อย งานนี้เจ้าตัวฉะแหลกกลางงานแถลงข่าวเปิดเวที "มิสแกรนด์ 2020" ผู้บริหารช่อง7ไม่ทำตามข้อตกลง
ก่อนหน้านี้กลายเป็นประเด็นใหญ่โต สำหรับ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ที่ซื้อเวลาช่อง7 ถ่ายทอดสดการประกวด "มิสแกรนด์ไทยแลนด์" มา 7 ปีเต็ม แต่มาปีนี้กลับประกาศแตกหักกับช่อง7 เป็นที่เรียบร้อย งานนี้เจ้าตัวฉะแหลกกลางงานแถลงข่าวเปิดเวที "มิสแกรนด์ 2020" ผู้บริหารช่อง7ไม่ทำตามข้อตกลง
ทั้งนี้ล่าสุด “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ (Miss Grand Thailand) ที่ออกมาแถลงข่าวเปิดใจกับการย้ายบ้านหลังใหม่มาที่ช่อง one31 พร้อมกับเปิดใจถึงประเด็นดรามาต่างๆ ณ ห้องออดิชั่น ตึกแกรมมี่ ชั้น 14 ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่า
“ก็เรียบร้อยแล้วครับตามที่บอกไป ก็ถือว่าเป็นตอนพิเศษ แถลงข่าววันที่ 19 และ Final Night วันที่ 19 เดือนกันยายน ถ่ายทอดสดร้อยเปอร์เซ็นต์ 21.10 น.เป็นต้นไปทางช่อง one นับจากนี้มีแต่ one ก็ตัดสินใจนานมากนะครับ ที่เลื่อนไป นิ่งไป ไม่ยอมบอกสักที เพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลง การแก้ปัญหาครั้งนี้ถือว่าเป็นอนาคตขององค์กรเลย เพราะฉะนั้นเราต้องดูองค์ประกอบรอบด้านว่าสามารถจะอยู่ยาวๆ ได้ที่ไหน และมันสามารถเติมเต็มอะไรกันได้บ้าง การออกอากาศอย่างเดียวมันไม่ใช่โจทย์นะครับ แต่เราต้องดูด้วยว่ารสชาติของคนที่เราอยู่ด้วย อนาคตของน้องทุกคนมันจะลำบากหรือจะมีโอกาสแค่ไหน"
"ซึ่งต้องขอบคุณช่อง one จริงๆ ที่ให้โอกาสน้องๆ ทุกคนนะครับ และน้องๆ คนเก่าเตรียมจะเข้าออดิชั่นหรือแคสติ้งเป็นนักแสดงกับช่อง one ด้วย และคงจะได้มีผลงานกันเยอะ ส่วนน้องคนใหม่ในปี 2020 ตำแหน่ง Grand Rising Star จากสถานีเดิม สถานีนี้ก็เรียกว่าให้ใจเต็มๆ ให้โลโก้ติดบนหน้าอก ลงจากเวทีเซ็นสัญญาช่อง one ทันทีครับ และทางช่อง one จะส่งผู้ใหญ่และนักแสดงรวมถึงผู้กำกับไปร่วมคัดเลือกหนึ่งวันเต็มๆ จาก 77 คน 77 จังหวัด เพื่อให้เหลือเพียงแค่ 1 คน”
"ถามว่าน้องๆ ที่อยู่ช่องเดิมจะมีโอกาสย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยไหม ก็ถ้ามีโอกาสก็ย้ายครับ อนาคตทุกคนต้องดีขึ้น ถ้าอนาคตไม่ดีขึ้นและย่ำอยู่กับที่ผมว่ามันก็ไม่มีอะไรดีกับชีวิต ขอบคุณวิกฤตที่ผ่านมา ถ้าไม่มีวิกฤตแปลกวันนั้น โอกาสแบบนี้ก็จะมาไม่ถึง ไม่มีโอกาสพัฒนาตัวเอง ไม่มีโอกาสพาน้องๆ มาเป็นนางเอก ไม่มีโอกาสที่จะพามายืนที่ช่อง one นับจากนี้มีแต่ one เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วผมเป็นคนซื่อสัตย์ ถ้อยทีถ้อยอาศัยก็จะอยู่กันนาน โชคดีที่พระคุ้มครองผม ให้มีอันตรายบางอย่าง และได้ออกมา ทำให้มีโอกาสมากขึ้น และการปิดโอกาสคือความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตตอนที่เรามีโอกาสครับ”
ต่อมาได้ถามต่อว่าตัดขาดช่องเก่าเลยไหม ถามว่าตัดขาดทางช่องนั้นเลยหรือเปล่า ณวัฒน์ ได้กล่าวว่า “ผมก็ยังขอบคุณทางช่อง 7 นะ ทางช่องเป็นอะไรที่งดงาม เราอยู่มาก็มีความอุ่นใจในระดับหนึ่ง ปัญหาไม่ได้เกิดจากที่ช่องเลย ปัญหาเกิดจากผู้บริหารท่านนี้เท่านั้น ซึ่งเป็นคนที่ใหม่สำหรับวงการบันเทิง ถือว่าเป็นน้องของผมก็แล้วกัน ถ้านับจากการทำงานในวงการบันเทิงเขาอยู่แค่ 7 ปี แต่ผมอยู่มา 20 ปี แต่ในเมื่อเขาไม่แคร์มันก็ไม่สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ แล้วการบริหารโดยที่ไม่มีหลักการที่ถูกต้อง แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนอย่างคำว่า ใช้ไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร แค่บอกว่ามันใช้ไม่ได้เพราะอะไรเพราะอ้วนหรือว่าตายไป มันหน้าไม่สวยหรือว่ามันเล่นไม่ได้ก็ยังตอบไม่ได้"
"ไม่มีออร่า คำนี้ใครๆ ก็พูดได้ ผมก็พูดได้ว่าท่านก็ไม่มีออร่าเหมือนกัน นอกจากท่านไม่มีออร่าแล้วท่านยังไม่มีความรู้ด้วย ใครๆ ก็พูดได้ ดังนั้นเวลาจะพูดอะไรต้องนึกถึงด้วยว่าอะไรคือเหตุผลมาซัปพอร์ตคำพูด อย่างผมว่าท่านไม่มีความรู้ ผมก็พูดได้ เพราะท่านบอกว่าชุดประจำชาติขอนแก่นไม่ควรเป็นชุดไดโนเสาร์ เพราะท่านไม่รู้ว่าไดโนเสาร์เป็นสัญลักษณ์ของขอนแก่น อันนี้คือคนไม่มีความรู้ คำพูดทุกอย่างเราต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง พูดไปแล้วมีคนได้คนเสีย มีผู้ใหญ่ฟังแล้วมันไปเกิดผลกับคนอื่น มันไม่แฟร์กับคนอื่น ยุคนี้มันหมดแล้วครับ ยิ่งเรารั้งจากโควิดยุคนิว นอร์มอล ช่องไหนยังยืนอยู่กับที่แน่นอนครับ ป่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายแน่นอน”
"ถามว่าการมีปัญหากับช่องเดิมส่งผลกระทบกับการทำงานกับช่องใหม่ไหม ไม่มีครับ คนเราการมีปัญหาไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นคาแรคเตอร์ของเรา ไม่อย่างนั้นจะมีกระบวนการศาลใหญ่โต ต้องวิเคราะห์ให้ดี การที่มีปัญหา มันเป็นกระบวนการดำเนินชีวิตอย่างอื่น ขัดเกลาในสิ่งที่เหมาะสม ดังนั้นคนที่ไม่เคยมีปัญหาคือคนที่ไม่เคยทำงาน แต่ผมทำงานเยอะ นานๆ จะมีปัญหาสักครั้งหนึ่ง คงไม่แปลก ที่สำคัญคู่ชกหรือคู่ที่มีปัญหาสำหรับผมมันก็เหมาะสม อยู่ดีๆ ใครจะหาปัญหามาใส่ตัว”
"ถามว่าทางช่องลงมาช่วยไกล่เกลี่ยในกรณีที่เกิดขึ้นไหม ก็เหมือนช่วยไกล่เกลี่ย พนักงานในช่อง ก็ยังส่งแมสเสจมาบอกว่าให้กำลังใจนะ มีโทร.คุยกันอยู่บอกว่าเข้าใจนะ การทำงานผมว่าไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนก็แล้วแต่ ไม่ได้พูดถึงที่นี่นะ สมมติว่าถ้าเกิดพนักงานทนอยู่เพราะไม่อยากตกงาน แต่ไม่มีความสุขกับการบริหารและการจัดการ พนักงานอยู่ในลูปความกลัว การถูกกดทับกดดันเกินไป เราเห็นตัวอย่างเยอะ มันเป็นตัวอย่างให้เห็น ไม่เปิดโอกาสให้คนช่วยคิด ผมบอกตรงๆ ว่าการทำงานแบบนี้มันไม่ได้ผ่านความคิดร่วมกัน บางทีก็สงสารน้องๆ ที่ทำงานอยู่ที่เรารู้จักกันเยอะ ว่าต้องอดทนแค่ไหน เราก็ให้กำลังใจน้องๆ กันไป”