- 27 มิ.ย. 2563
เรียกได้ว่า “เสียงอีสาน” คือวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำเบอร์ 1 ของเมืองไทย ที่มี “นกน้อย อุไรพร” เป็นหัวเรือใหญ่ ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหนก็มีแฟนๆต่างแห่กันไปดูอย่างล้นหลาม แถมยังมีคนติดตามอยู่ไม่น้อย
เรียกได้ว่า “เสียงอีสาน” คือวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำเบอร์ 1 ของเมืองไทย ที่มี “นกน้อย อุไรพร” เป็นหัวเรือใหญ่ ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหนก็มีแฟนๆต่างแห่กันไปดูอย่างล้นหลาม แถมยังมีคนติดตามอยู่ไม่น้อย
ซึ่ง นกน้อย เริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิงโดยเข้าประกวดร้องเพลงที่สถานีวิทยุเธอกวาดรางวัลชนะเลิศมาทุกเวที ด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ปราศจากข้อกังขา และได้มาสมัครกับพ่อนพดล ดวงพร ในตำแหน่งหางเครื่อง และได้เป็นนักร้องของวงในเวลาซึ่งเพลงนกจ๋าได้รับความนิยมสูงสุด
ต่อมาชื่อ นกน้อย อุไรพร นั้นได้จากการนำเอาเพลงนกจ๋า มาเป็นเหมือนตัวแทนก็คือ นกน้อย และเอาชื่อจริงคือ อุไร มาบวกกับคำสุดท้ายของนามสกุลของ นพดล คือคำว่า พร มารวมกันจนกลายเป็น นกน้อย อุไรพร นั่นเอง
เเละก่อนหน้านี้เป็นที่ทราบกันดีว่า เเม่นกน้อย อุไรพรนั้นได้ออกมาร่ำไห้ผ่านทางไลฟ์สด โดยกล่าวว่าไม่มีเงินเติมน้ำมันรถกลับบ้าน จนถูกคอมเมนต์โจมตีมากมาย ทั้งยังต้องรับผิดชอบลูกน้องในวงกว่า 500 ชีวิต ค่าอาหารสูงถึงมื้อละ 30,000 บาท มีหนี้ทั้งในและนอกระบบกว่า 20 ล้าน
เเละล่าสุด แม่ใหญ่เสียงอีสาน อย่าง นกน้อย อุไรพร นั้นก็ได้ออกมาปิดใจเป็นครั้งเเรกกลางรายการชื่อดัง ปมแทบกระอัก เป็นหนี้ท่วมหัวกว่า 20 ล้าน จุกในอก เกือบยุบวงเซ่นโควิด
โดยทางด้านพิธีกรได้ถาม เเม่นกน้อย อุไรพร ถึงพิษโควิดที่ผ่านมาว่า 3 เดือนที่ผ่านมาสูญเสียกว่า 10 ล้าน?
นกน้อย : น่าจะร้ายกว่านั้น ในองค์กรของแม่ที่รับผิดชอบมันเป็นของครอบครัว ที่ทุกคนทำงาน บางคนก็ว่าเราเดือดร้อนคนเดียวหรือยังไง ในเวลานั้นเราไม่คิดว่ามันจะยาวนานขนาดนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้หลายคนคงรู้แล้วว่ามันมีผลกระทบกันหมดทุกคน
พูดกับลูกน้องว่าถึงไม่มีเงิน แต่ใครอยู่กับแม่มีข้าวกิน?
นกน้อย : เราคุยกับลูกๆ ที่อยู่ในวงกับแม่ วงอยู่มา 45 ปี เข้าสู่ปีที่ 46 เป็นการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นก็เยอะ ตายคาวงก็เยอะ ในความผูกพันก็มาเปิดใจคุยกัน ใครพร้อมที่จะอยู่กับแม่ก็อยู่ แม่ก็ไม่มีรายได้ แม่ก็ตกงาน ลูกๆ ก็ตกงาน อยู่เราก็ดูแลมีข้าวอาหารเลี้ยง แต่ที่บ้านมีโรงงานชุด บูรณะเวที ครบวงจร ถ้าใครยังอยู่แม่ไม่มีเงินเดือนจ่าย วันนึงจ่ายค่าอาหารลูกๆ ทั้งหมด มื้อละ 30,000 บาท
ทำวงมา 45 ปี ครั้งนี้หนักที่สุด?
นกน้อย : หนักที่สุดค่ะ กับคำว่าล้มลุกคลุกคลาน ปัญหาน้ำท่วม อุทกภัยอะไรต่างๆ เราก็มีพื้นที่ให้ได้ไปแสดง คอนเสิร์ตแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมก็มีให้เราได้ไปแสดงที่เมืองนอกในประเทศต่างๆ แต่ครั้งนี้ปิดทุกประเทศ
เคยคิดยุบวงไหม?
นกน้อย : คำถามกับปัญหาแม่มาบวกลบคูณหารกับแม่ตลอด ในความยุบวงกับความพร้อมหนักหนาสาหัส แม่บอกว่าเราเริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลยมาจากศูนย์ แต่ตอนนี้เรามีมากจนนับไม่ถ้วนว่ามีเท่าไร ท่านขอร้องว่าให้ยุบวงเราพอแล้ว อย่าเลือกรับภาระอย่าแบก ตอนนี้เอาตัวรอดได้ แต่ตำนานวัฒนธรรมของคนอีสานคือหมอลำ งานปั้นดินให้เป็นดาวนักร้องที่มีชื่อเสียงมันท้าทาย เราคิดแล้วว่ายุบวงง่ายแค่วินาที แต่ในชีวิตผู้หญิงที่สร้างตำนานเราจะไม่ยุบวง ยุบวงไม่ได้เจออะไรก็แล้วแต่ ลูกพร้อมที่จะก้าวผ่าน
มีหนี้ก้อนโต?
นกน้อย : โตมากค่ะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ค่าของงานอยู่ที่ผลของเงินของธุรกิจ เราเห็นงานอยู่ข้างหน้าเรากล้าที่จะลงทุน กล้าที่จะยืมแต่ตอนนี้เรามีผลงาน แต่เราไม่มีที่ให้ไปแสดงผลงาน หนี้ก็เพิ่มพูนทั้งนอกระบบและในระบบ ถามว่าเท่าไร จำไม่ได้ เกิน 20 ล้าน
สามีอย่างพ่อหลอดให้กำลังใจยังไงบ้าง?
นกน้อย : ช่วงโควิดให้กำลังใจมากกว่าเดิม ปกติคือชีวิตมีแม่แล้วก็ไก่ชน จนแม่ของนกวางแผนจะดูว่าไก่กับเมียเลือกอะไร หนีกลับศรีสะเกษ ก็มาตามให้กลับบ้าน ถามว่าไก่กับนกเลือกอะไรเขาเลือกไก่ วงก็กระท่อนกระแท่น เราก็มาคิดว่าเราจะสร้างวงเสียงอีสานไปให้ท่านหนุนหลังเป็นพลัง เพราะมันเป็นความสุขของท่าน พ่อรักไก่มาก
มีช่วงพ่อหลอดป่วย?
นกน้อย : เหมือนติดเชื้อจากสัตว์ปีก ไปเปิดคอนเสิร์ตอยู่ลาว กินอาหารป่ามาก กินดิบก็ติดเชื้อกลับมาเมืองไทย พ่อปวดหนักมากต้องตัดม้ามทิ้ง ก็ต้องผ่าตัดพอออกจากห้องไอซียูก็ฝันว่ามีวิญญาณมารับท่าน ฝันเดียวกับแม่แต่ตอนนั้นอยู่คนละที่ แม่ฝันว่ามีคนเอารถมารับพ่อกับแม่ คุณพ่อไปก่อน แล้วก็มาเล่าสู่กันฟัง เราก็ไปขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่อุดรฯ ก็เป็นปู่นาคย่านาค คำชะโนดพญานาค ก็อธิษฐานก็ได้ท่านกลับมา